“ภูใจใส” ติด 8 ที่พักรักษ์สิ่งแวดล้อมน่าไปเยือนที่สุดในโลก

ภูใจใส เมาน์เทน รีสอร์ท แอนด์ สปา

เว็บไซต์จองโรงแรมออร์บิตซ์ (Orbitz) ยก “ภูใจใส เมาน์เทน รีสอร์ท แอนด์ สปา” เป็น 1 ใน 8 ที่พักรักษ์สิ่งแวดล้อมที่น่าไปเยือนที่สุดในโลก โดยบอกว่ารีสอร์ทนี้ไม่มีโทรทัศน์หรือนาฬิกาปลุก แต่มีชาและพืชผักออแกนิกส์ให้บริการอย่างครบครัน

ท่ามกลางโรงแรมและรีสอร์ทมากมายที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วโลก ทั้ง 8 สถานที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมหรือ eco-tourism ต่อไปนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น eco-lodge ที่แจ่มแจ๋วที่สุดในโลก โดยทุกคนสามารถจองห้องพักได้เลยในขณะนี้

Playa Nicuesa Rainforest Lodge: คอสตาริกา

นักท่องเที่ยวหลายคนยกย่องให้คอสตาริกา (Costa Rica) เป็นดินแดนในดวงใจตั้งแต่ก่อนที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในคอสตาริกาจะโด่งดัง รีสอร์ทแห่งนี้คือ 1 ในที่พักสุดฮิตซึ่งได้รับคะแนนการันตีสูงสุดจากการท่องเที่ยวคอสตาริกา Costa Rican Tourism Board ระดับ “5 ใบไม้” หรือ five Leafs ตัวรีสอร์ทตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ภายในอุทยานแห่งชาติ Piedras Blancas ขนาด 165 เอเคอร์ 

จุดเด่นของรีสอร์ทคือสถาปัตยกรรมสไตล์บ้านต้นไม้ สร้างขึ้นโดยชาวพื้นเมืองผ่านวัสดุธรรมชาติและวัสดุรีไซเคิล ขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และเครื่องปั่นไฟสำรองที่ใช้น้ำมันพืชรีไซเคิล ทุกคนสามารถทำกิจกรรมผจญภัยทั้งเดินป่า พายเรือคายัค และดำน้ำตื้นได้แบบไม่จำกัด

Adrere Amellal Desert Ecolodge : อียิปต์

รีสอร์ทแห่งนี้คือคำตอบสำหรับคนที่มองหา eco-lodge ที่มีกลิ่นอายตามภาพยนตร์คลาสสิก “Lawrence of Arabia” แถมที่นี่ยังเคยต้อนรับเจ้าชายชาร์ลส์และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ด้วย

ลอดจ์ Adrère Amellal เทียบได้กับโอเอซิสกลางทะเลทรายอียิปต์ ผู้เข้าพักที่ Adrère Amellal สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบ Siwa ที่ปลายเนินเขา White Mountain ตัวห้องพัก 40 ห้องสร้างด้วยแรงงานมนุษย์ทำจากหินเกลือ ผลปาล์ม และไม้มะกอกที่ผสานให้เข้ากับธรรมชาติ 

ตัวลอดจ์ยังใช้ระบบสูบน้ำแบบดั้งเดิมซึ่งส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อย นักเดินทางจะได้เพลิดเพลินกับอาหารออร์แกนิกส์จากท้องถิ่นที่ทางลอดจ์จะเตรียมไว้ให้ในระหว่างการสำรวจเนินทราย สุสานโบราณ และอารามต่างๆ จุดเด่นของลอดจ์คือไม่มีบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่มีไฟฟ้า ซึ่งการไม่เปิดไฟนี่เองที่ทำให้ผู้พักได้เห็นดาวกลางทะเลทรายแบบสุดไกลตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยจะมีเพียงเทียนขี้ผึ้งเท่านั้นที่ถูกใช้เป็นตัวให้แสงสว่างในลอดจ์

Jicaro Island Ecolodge: นิการากัว

นี่คือสถานที่เพื่อพักผ่อนและดูแลตัวเองอย่างแท้จริง ตัวลอดจ์ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวในนิการากัว สามารถนั่งเรือจากเมือง Granada อันเป็นเมืองอาณานิคมที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกากลาง 

ผู้เข้าพักใน 9 บังกะโลเขียวชอุ่มของ Jicaro Island Ecolodge จะได้เห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟ Mombacho และทะเลสาบนิการากัว ลอดจ์แห่งนี้ใช้ระบบทำน้ำอุ่นผ่านพลังงานแสงอาทิตย์ มีศูนย์บำบัดน้ำเสียบนเกาะ ใช้สบู่ ผงซักฟอก และผลิตภัณฑ์สปาแบบออร์แกนิกส์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังทำความสะอาดสระว่ายน้ำด้วยระบบไร้คลอรีน นอกจากนี้ ลอดจ์ยังมีฟาร์มไก่ของตัวเอง มีโรงเลี้ยงหมู พืชสวนครัวกินได้ และโรงชีวเคมีเพื่อการผลิตนวัตกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมอื่นต่อไป

Laguna Lodge Eco-Resort & Nature Reserve: กัวเตมาลา

Laguna Lodge Resort ตั้งอยู่ในเขตสงวนธรรมชาติส่วนตัวริมชายฝั่งทะเลสาบ Atitlán ถือเป็นอีกสถานที่พักผ่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีจุดเด่นเป็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟตระการตาและการไร้ซึ่งความวุ่นวายของผู้คนมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิธีเดียวที่จะเข้าสู่ลอดจ์นี้ได้คือโดยสารทางเรือ 

ห้องสวีท 6 ห้องของ Laguna Lodge Resort ใช้พลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 180 แผงที่ผลิตพลังงานต่อเนื่อง แม้แต่ Wi-Fi ก็ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การรับประทานอาหารเป็นแบบปลอดสาร ปราศจากเนื้อสัตว์เพราะเน้นพืชผักเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ลดคาร์บอนและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงได้ Laguna Lodge Resort ไม่เพียงได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก แต่ยังให้ความสำคัญกับชุมชนในท้องถิ่น เพราะพนักงานทั้งหมดเป็นชาวมายันในประเทศและกว่า 50% เป็นพนักงานหญิง ผู้พักสามารถซื้อทัวร์เยี่ยมชมพิธีของชาวมายันและหมู่บ้านในท้องถิ่นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตกาแฟและการทอผ้าแบบดั้งเดิม

The Resurgence: นิวซีแลนด์

แรงบันดาลใจของลอดจ์แห่งนี้คือชาวกีวี Resurgence ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ป่าเขตร้อนที่มีการฟื้นฟูป่าขนาด 50 เอเคอร์ โดยสามีและภรรยาผู้เป็นเจ้าของลอดจ์นี้จะปลูกต้นไม้พื้นเมืองสำหรับแขกแต่ละคนที่มาพักที่นี่

ตัวลอดจ์ตั้งอยู่ใกล้กับต้นแม่น้ำ Riwaka (แปลว่า “การฟื้นตัว”) ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์บริเวณนี้ดึงดูดนกพื้นเมือง และสัตว์น้อยใหญ่อย่างมีชีวิตชีวา ลอดจ์มีนักอนุรักษ์ท้องถิ่นพร้อมให้คำแนะนำการเดินป่า ปั่นจักรยาน และเรือคายัคไปยังบริเวณโดยรอบ มีห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง อาคารหลักและห้องสวีทพูลส่วนตัวถูกสร้างขึ้นด้วยไม้รีไซเคิล ใช้ฉนวนกันความร้อนและอิฐธรรมชาติทำให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ รีสอร์ทยังสนับสนุนงานด้านสิ่งแวดล้อมในนามกลุ่ม Friends of Flora Conservation and Green Journeys เพื่อการอนุรักษ์พืชและผืนป่า

Phu Chaisai Mountain Resort & Spa: ประเทศไทย

ภูใจใสเป็นรีสอร์ทที่ตั้งในจังหวัดเชียงราย ภาคเหนือของประเทศไทย ไม่มีโทรทัศน์หรือนาฬิกาปลุกในห้องพักแต่ละห้อง รีสอร์ทแห่งนี้สนับสนุนให้ทุกคนถอดปลั๊กออกจากโลกเทคโนโลยีแล้วหันมาใช้ชีวิตสุขภาพดีด้วยการเพลิดเพลินกับพื้นที่ธรรมชาติแสนสุข 2,000 เอเคอร์

คำขวัญของภูใจใสคือ “live with nature, not above nature” หรือการอยู่กับธรรมชาติอย่างพอดีไม่รุกราน ทำให้ภูใจใสสร้างกระท่อมส่วนตัวด้วยไม้ไผ่ในท้องถิ่น

ผู้เข้าพักจะได้รับบริการอาหารเช้าฟรี สปาในภูใจใสใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่นเดียวกับทุกบริการนวด ผู้สนใจสามารถเข้าคอร์สโยคะ รวมถึงชมผลิตภัณฑ์ชาเพราะรีสอร์ทแห่งนี้เพาะปลูกสวนชาอินทรีย์และผลไม้ด้วยตัวเอง

The Lodge at Chaa Creek: เบลีซ

นี่คือสถานที่ในฝันสำหรับใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในป่าดิบชื้น The Lodge at Chaa Creek ตั้งอยู่ที่ปลายเทือกเขามายา มีประวัติบุกเบิกแนวทางให้บริการมานานกว่า 35 ปีแล้วโดยจ้างชาวเบลีซ 160 คนจากหมู่บ้านและเมืองโดยรอบ 

รีสอร์ทยังส่งเสริมให้แขกผู้เข้าพักมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนผ่านโครงการ Pack-a-Pound ซึ่งจะถูกนำไปบริจาคให้กับโรงเรียนในท้องถิ่นที่ต้องการ นอกจากนี้ 10% ของรายได้จากที่พักทั้งหมดจะถูกส่งไปสนับสนุนโครงการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เรียกว่าพักที่นี่ได้บุญหลายต่อทีเดียว

Bushmans Kloof Wilderness Reserve & Wellness Retreat: อัฟริกาใต้

ไม่ถึง 200 ไมล์จากเมืองเคปทาวน์สุดคึกคัก นักเดินทางจะสามารถพบ Bushmans Kloof Wilderness Reserve & Wellness Retreat ซึ่งเป็นที่พักอายุนับร้อยปีในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ 18,000 เอเคอร์ที่เชิงเขา Cederberg

ผู้เข้าพักที่ Bushmans Kloof จะได้เห็นเจ้าถิ่นอย่างม้าลายภูเขา และโบราณสถานมากมาย ซึ่งรวมถึงภาพเขียนสีบนหินอายุ 10,000 ปี พืชและสัตว์อีกหลายร้อยชนิด ทำให้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สร้างประโยชน์ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน ตัวห้องพักได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามจำนวน 16 ห้อง นอกจากนี้ยังมีสปานอกสถานที่ ผู้สนใจสามารถวางแผนมาเยือนช่วงมิถุนายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สดชื่นเพราะดอกไม้บานสะพรั่ง 


ที่มา : http://www.manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9600000073291