นอกจากประเทศไทยที่ “เซ็นทรัลกรุ๊ป” มีการลงทุนอย่างหนักในทุกๆ ปีแล้ว ในยุโรป และประเทศเวียดนามก็เป็นประเทศสำคัญที่กลุ่มเซ็นทรัลเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีโอกาสการเติบโตสูง โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ที่ล่าสุดได้กางแผนการลงทุน ทุ่มงบกว่า 17,500 ล้านบาท เป็นแผนการลงทุนใน 5 ปี ตั้งเป้ารายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 30%
ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า “ทางกลุ่มเซ็นทรัลยังคงมีแผนการลงทุนต่อเนื่องทั้งในภูมิภาคยุโรปและประเทศเวียดนาม โดยประเทศที่เข้าไปลงทุนแล้วในยุโรปและเวียดนามยังมีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจได้อีกมาก ส่วนตลาดใหม่จะเป็นประเทศใดต่อไปนั้น คาดว่าอีก 4-5 ปีจึงจะเริ่มขยายการลงทุนในประเทศใหม่ๆ ได้“
ซึ่งปี 2560 นี้กลุ่มเซ็นทรัลได้ลงทุนในเวียดนามไปแล้วกว่า 1,000-2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนกลุ่มอาหารและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น
ส่วนแผนในปี 2561 ได้วางงบลงทุนอีก 7,000 ล้านบาท และยังคงเน้นการขยายธุรกิจในกลุ่มอาหารเป็นหลัก จากปัจจุบันมีธุรกิจที่ทำอยู่ในเวียดนามประมาณ 6 กลุ่ม คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์การค้า ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น และส่งออก ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวไม่รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเช่น โรงแรม ที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม โดยใช้แบรนด์เซ็นทารา
แต่การจะดีนธุรกิจให้เติบโตสูงมากขึ้น จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยบริหาร โดยที่กลุ่มเซ็นทรัลเปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจค้าปลีกเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามอีกด้วย ตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20-30% ในแต่ละปี จากเดิมช่วงที่ผ่านมาอัตราการเติบโตยังอยู่แค่ประมาณ 10% เท่านั้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2560 นี้ธุรกิจในเวียดนามจะมีรายได้ประมาณ 35,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 ประมาณ 10%
ฟิลิปเป้ โบรยานิโก ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า แผนการลงทุนธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามในช่วง 5 ปีจากนี้ (2560-2564) บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ 17,500 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจที่สนใจเป็นพิเศษคือ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจชอปปิ้งมอลล์
สำหรับในประเทศเวียดนาม ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ไปปักหมุดการลงทุนได้ 4 ปีแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ตุลาคม พ.ศ. 2556 กลุ่มเซ็นทรัล ได้บุกตลาดเออีซีเป็นครั้งแรก ด้วยการรุกตลาด สปอร์ต รีเทล โดยเปิดตัวร้าน ซูเปอร์สปอร์ต แห่งแรกในเวียดนาม ด้วยพื้นที่กว่า 450 ตร.ม. ที่ห้างสรรพสินค้า Vincom Center Ba Trieu ห้างหรูของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รวมทั้งร้าน คร็อคส์ และ ร้านนิวบาลานซ์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 ได้เปิดห้างสรรพสินค้าโรบินส์ 2 สาขา คือ สาขาแรกได้แก่ สาขาฮานอย และ สาขาโฮจิมินห์ซิตี้ หวังเจาะประชากรเวียดนามที่มีกว่า 90 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด
เดือนมกราคม พ.ศ.2558 กลุ่มเซ็นทรัล ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของเวียดนาม “เหงียน คิม เทรดดิ้ง จอยท์ สต็อค คอมพานี” เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของเวียดนาม ในนามเพาเวอร์บาย โดยถือหุ้น 49% ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถขยายกิจการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเพาเวอร์บายไปในประเทศเวียดนาม โดยผ่านสาขาของ เหงียน คิม ที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุม ถึง 21 สาขาทั่วประเทศ
และที่เป็นดีลใหญ่ที่สุดก็เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมกับ กลุ่มเหงียนคิม ประกาศซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนามจากคาสิโนกรุ๊ป ด้วยมูลค่า 920 ล้านยูโร รวมถึงซื้อกิจการซาโลร่า ในประเทศเวียดนามด้วย
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ลงทุนในเวียดนามถือเป็นช่วงของการเรียนรู้และศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค และทำให้พบว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนเวียดนามอาจจะไม่เหมือนคนไทยเท่าใดนัก เพราะคนส่วนใหญ่ยังคงเน้นการซื้อสินค้าภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนสินค้าแบรนด์เนมยังเป็นตลาดที่เล็ก จึงทำให้เซ็นทรัลต้องปรับกลยุทธ์ในตลาดเวียดนามใหม่ โดยให้ความสำคัญต่อการนำสินค้าภายในประเทศเวียดนามเข้ามาวางจำหน่ายในเครือข่ายค้าปลีกในเครือมากขึ้น
ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000084830