“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระปฐมบรมราชโองการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ภูมิพลอดุลยเดช) ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย ในการขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 และได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม 2490
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของประเทศไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงได้รับความรัก เทิดทูนและศรัทธาจากประชาชนชาวไทยมากที่สุดพระองค์หนึ่ง
พระองค์ทรงเป็นมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ พระองค์ทรงงานเพื่อประชาชนคนไทยมาตลอดเวลากว่า 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติโดยที่ไม่ทรงเคยย่อท้อ ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อเสด็จพระราชดำเนินยังท้องถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์เอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีเป็นล้นพ้นได้สร้างสำนึกขึ้นในใจของประชาชนชาวไทยแทบทุกชีวิต พระราชกรณียกิจในตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคู่จากทั่วโลกจนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของทั้งประเทศชาติในปัจจุบันและทั้งกับตัวประชาชน ทำให้พระองค์ทรงพระราชทานแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไว้ให้ประชาชนได้นำไปใช้ เนื่องจากทรงเล็งเห็นแล้วว่า เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นภูมิต้านทานได้อย่างดีสำหรับประชาชนที่มีชีวิตอยู่ในยุคที่โลกกำลังแปรเปลี่ยนเข้าสู่กระแสทุนนิยมอย่างเช่นในปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางรากฐานให้กับประชาชนในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในถิ่นทุรกันดารที่พระองค์ทรงมีพระราชวัตถุประสงค์ให้คนเหล่านี้สามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยแนวคิด “พออยู่พอกิน” ให้มีการปล่อยวางจากเทคโนโลยีของโลกสมัยใหม่ และเมื่อประชาชนสร้างภูมิต้านทานให้แก่ตนเองได้แล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจของโลกจะผันผวนไปมากเท่าใด ก็ย่อมไม่มีผลกระทบต่อเรา ซึ่งแม้ว่าอาจจะมีบ้าง ก็คงเป็นเพียงแค่ผลกระทบอันน้อยนิดที่ไม่ได้มีความรุนแรงกับชีวิตของเรามากนัก
พิสูจน์ให้เห็นถึงพระปฐมบรมราชโองการ ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามอย่างแท้จริง
ไม่ว่าประเทศจะพัฒนาหรือเจริญรุดหน้า หรือต้องประสบกับปัญหา พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เปี่ยมล้น ทรงนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหา และวิกฤตการณ์มาแล้วทุกครั้ง
เมื่อประเทศไทยต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเมืองที่ล่อแหลมที่สุด จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ และประกาศยึดมั่นในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกลุ่มผู้ฝักใฝ่ระบอบทักษิณ จนนำไปสู่วิกฤตการณ์ที่มีประเทศไทยเป็นเดิมพัน
สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯต่อสู้มาตลอด 6 เดือน เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณที่ก่อทำให้เกิดปัญหาการคอรัปชั่น การโกงกินอย่างแยบยล อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ว่าในรัฐบาลชุดไหนก็ตาม ความพยายามควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จยังเลยเถิดไปถึงการมีแนวคิดในการสถาปนาระบอบการปกครองใหม่ โดยมีการกระบวนการหมิ่นพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทย
ไม่ต้องนึกเลยว่า หากไม่มีสถาบันกษัตริย์ที่เป็นเสาหลักของประเทศ ประเทศไทยจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร