ขบวนการเสื้อแดง

ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองที่เขม็งเกลียวมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการก่อตัวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 หลังการปฏิวัติของ คมช. และออกมาแสดงบทบาทชัดเจนถึงว่าฝักใฝ่ระบอบทักษิณ เป็นเหตุให้เกิดสถานการณ์แตกแยกกันหนักยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนแรกกลุ่มนี้ใช้ชื่อว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ตอนหลังมาเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

แม้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะอ้างถึงสาเหตุของการรวมตัวกันนั้นเพื่อต่อต้านการปฏิวัติ หากแต่ในทางปฏิบัติแล้ว กลุ่มเสื้อแดงแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อทักษิณ ชินวัตร จนมีการเดิมเกมเพื่อต้องการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งต่อต้านระบอบทักษิณ และยึดมั่นในสถาบันกษัตริย์ฯ อยู่บ่อยครั้ง

การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเริ่มจากการปักหลักที่สนามหลวง และถึงขั้นเดินขบวนไปปิดล้อมบ้านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดยอ้างว่า พลเอกเปรมอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร โดยสมาชิกส่วนใหญ่เป็นระดับรากหญ้าที่เกณฑ์มาจากต่างจังหวัด แถบอีสาน และทางเหนือ

ทุกครั้งที่มีการปราศรัยบนเวที แกนนำของกลุ่มเสื้อแดงได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาขึ้นเวทีปราศรัยเชิดชูทักษิณ และโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ จนถึงขั้นจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ จนกระทั่ง ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากที่ จักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก. ก็ถูกดำเนินคดี ในการบรรยายต่อชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

เพื่อต้องแสดงให้เห็นถึงพลังว่ามีผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนมาก ในช่วงหลังกลุ่มเสื้อแดงจึงใช้วิธีเดินสาย จัดรายการ “ความจริงวันนี้” จัดขึ้นที่เมืองทองธานีมาแล้ว 2 ครั้ง และที่สนามกีฬาราชมัลคลากีฬาสถาน เพื่อออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (เอ็นบีที) โดยได้มีการเปิดโฟนอินให้ทักษิณโทรทางไกลมายังรายการ นอกจากทักษิณจะปฏิเสธกระบวนการตุลาการแล้ว ยังบอกด้วยว่า ไม่มีใครนำตนกลับประเทศได้นอกจากพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพลังของประชาชน

คำพูดของทักษิณจึงถูกตีความจากนักวิชาการ และสื่อมวลชนหลายฉบับว่า ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ การพูดเช่นนี้เท่ากับว่าการที่ไม่สามารถกลับประเทศได้เป็นการโยนความผิดให้กับเบื้องสูง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงให้กลับ หรือไม่ก็ต้องให้ประชาชนรวมพลังถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ

การประทะของกลุ่มเสื้อแดงและเสื้อเหลืองเป็นปัญหารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมเพื่อแสดงพลังของเสื้อแดงเป็นการต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร หากแต่ยังเป็นการแสดงออกถึงการฝักใฝ่ต่อระบอบทักษิณ และต่อต้านสถาบันเก่าแก่
เป็นพลังสีแดงอันน่ากลัวที่ใครก็ประมาทมิได้ เพราะนั่นหมายถึงการเดิมพันด้วยประเทศ และสถาบันกษัตริย์