หัวเว่ยขยับตำแหน่ง “แบรนด์ยอดเยี่ยมระดับโลก” ขึ้นจากอันดับที่ 72 ในปี 2016 มาเป็นอันดับที่ 70 ในการจัดอันดับประจำปี 2017 ของ Interbrand บริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ชั้นนำระดับโลก โดยหัวเว่ยมีคุณค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน แตะ 6,676 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเป็น 1 ใน 16 แบรนด์ที่มีคุณค่าแบรนด์เติบโตเพิ่มขึ้นสองหลักในทำเนียบ 100 อันดับของอินเตอร์แบรนด์
กลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยเกิดจากคุณค่าหลักที่หัวเว่ยยึดมั่นในการรังสรรค์นวัตกรรมเพื่อลูกค้าและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ รวมถึงความเชื่อของบริษัทที่ว่า การสร้างแบรนด์นั้นต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณ
“ในช่วงกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา เราได้สร้างแบรนด์ของเราขึ้นมาและช่วยสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้าของเราผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัย ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และบริการระดับพรีเมี่ยมของเรา รวมไปถึงพนักงานที่กระตือรือร้นและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ” มร. เควิน จาง ประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาดองค์กรหัวเว่ย กล่าว
สำหรับธุรกิจโทรคมนาคม หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของลูกค้ากลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคม โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้าด้วยการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล เพิ่มมูลค่าของเน็ตเวิร์คที่ลูกค้ามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพัฒนาวิดีโอให้เป็นบริการพื้นฐาน หัวเว่ยยังช่วยให้ลูกค้าด้านโทรคมนาคมสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านบริการคลาวด์ เพื่อความสำเร็จร่วมกันในการสร้างการเติบโตใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า
ในขณะเดียวกัน ธุรกิจกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยจะเน้นที่อุตสาหกรรมหลัก ๆ อาทิ ความปลอดภัยสาธารณะ การเงิน การขนส่ง และการผลิต เพื่อช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลได้สำเร็จ หัวเว่ยยังได้ร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม สร้างศูนย์นวัตกรรมร่วมและโอเพ่นแล็บอีกหลายแห่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกัน
ส่วนกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ หัวเว่ยใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการ ก้าวนำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และพัฒนานวัตกรรมอย่างก้าวล้ำ ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนหัวเว่ย P Series และ Mate Series ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดไฮเอนด์ทั่วโลกและกลายมาเป็นสินค้ายอดนิยมในตลาด และหัวเว่ย Mate 10 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของแบรนด์ที่ใช้ชิพเซ็ต Kirin 970 จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมนี้ ที่เมืองมิวนิค
ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า สังคมอัจฉริยะที่เชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ทุกๆ สิ่งจะมีระบบเซ็นเซอร์ ทุกๆ อย่างจะเชื่อมโยงกัน และของทุกสิ่งจะมีความอัจฉริยะเป็นคุณลักษณะพื้นฐาน เทคโนโลยีด้านไอซีที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คลาวด์ บิ๊กดาต้า อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกลายเป็นเสาหลักของสังคมอัจฉริยะ หัวเว่ยในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันหลักของสังคมอัจฉริยะ จะร่วมกับพันธมิตรในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและความก้าวหน้าในสังคมอย่างต่อเนื่อง