อูเบอร์ ปล่อยไวรัลแคมเปญ Boxes กระตุ้นคนไทยใช้ ridesharing

หลังจากเปิดบริการ Ridesharing ตั้งแต่ปี 2557 ใน 6 จังหวัด อูเบอร์ก็ผลักดันบริการนี้ให้ได้ผลยิ่งขึ้น ด้วยการนำเอาผลสำรวจปัญหาการจราจรในภูมิภาคอาเซียนมานำเสนอ พบว่า ประเทศไทยยัง “นำโด่ง” โดย “กรุงเทพฯ” เป็นมหานครที่รถติดมากสุดในภูมิภาค ตามด้วยจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ มีจำนวนรถยนต์มากกว่า 5,800,000 คัน หรือต้องใช้พื้นที่เท่ากับ 8 สนามบินสุวรรณภูมิในการจอดรถทั้งหมด และคนกรุงเทพฯ เฉลี่ยใช้รถ 2.1 คนต่อคัน เมื่อสะท้อนมายังผู้ขับขี่ยานยนต์บนท้องถนนกรุงเทพฯ จึงต้องเสียเวลากับการรถติดเฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน และเสียเวลาวนหาที่จอดรถ 24 นาที ขณะที่ชั่วโมงเร่งด่วน มีรถอยู่บนท้องถนนมากถึง 160% ของปริมาณรถเทียบกับท้องถนน และรถจะติดมากกว่าเดิมถึง 2 เท่าด้วย

ส่วนกรุงมะนิลา ประชาชนเสียเวลาอยู่บนท้องถนนโดยเฉลี่ย 23 วันต่อปี

นอกจากนี้ ปัญหาจราจรในประเทศอื่นๆ อย่าง จาการ์ตา และโฮจิมินห์ พบว่ามีปริมาณรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าทั้ง 2 เมืองนี้จะเกิดปัญหารถติดจนกลายเป็นอัมพาต ส่วนกัวลาลัมเปอร์ มีรถติดในชั่วโมงเร่งด่วนมากกว่าปกติ 4.5 เท่า ภายในปี 2565

จากตัวอย่างสภาพปัญหาการจราจรข้างต้น อูเบอร์มองว่า “บริการรถร่วมเดินทาง” (ridesharing) จะช่วยกระตุ้นให้คนเดินทางด้วยกัน และใช้รถยนต์น้อยลง “ศิริภา จึงสวัสดิ์” ผู้จัดการประจำประเทศไทย Uber บอกว่า ridesharing หรือ บริการรถร่วมเดินทางจะเป็นการเดินทางร่วมกับ “ระบบขนส่งสาธารณะ” และ “รถยนต์ส่วนตัว” เพื่อแก้ปัญหาความแออัดในการจราจรบนท้องถนน และปล่อยพื้นที่จอดรถให้ทำประโยชน์อย่างอื่น ที่สำคัญบริการดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนรถยนต์ในกรุงเทพฯ ได้ถึง 60%

นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Boston Consulting Group (BCG) ระบุว่ามาตรการที่จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรดีในเมืองต่างๆ ในอาเซียนให้ดีขึ้น จะมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1.การลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐาน 2.การร่วมกันใช้บริการร่วมเดินทาง ซึ่งจะการร่วมเดินทาง

“บริการร่วมเดินทาง (ridesharing) ลดจำนวนรถบนถนนในเมืองได้ถึง 60% หรือเท่ากับ 3.5 ล้านคัน และได้พื้นที่คืนจากที่จอดรถคิดเป็นพื้นที่มากถึง 275 เท่าของสวนลุมพินี”

 เพื่อสะท้อนสภาพจราจรที่ติดขัดสาหัส อูเบอร์จึงปล่อย แคมเปญ “Boxes” โฆษณาไวรัลบนโลกออนไลน์ตัวแรก โดยเล่าเรื่องขำๆ ผ่านกล่องกระดาษสื่อแทนรถยนต์ ให้เห็นถึงความเป็นจริงของผู้คนกับการเดินทางในปัจจุบันและจบลงด้วยภาพของเมืองที่ถูกกล่องจำนวนมหาศาลบุกยึดพื้นที่ มีฉากหลังเป็นท้องถนนในกรุงเทพฯ และมีดนตรีประกอบในเพลง “Bare Necessities” จากภาพยนตร์การ์ตูน “เมาคลีลูกหมาป่า (The Jungle Book)” ของ Walt Disney

เมื่อรถยนต์หนึ่งคันสามารถรับคนมากกว่าหนึ่งคนร่วมเดินทางไปด้วยกัน จะช่วยลดจำนวนรถบนถนนให้น้อยลง สามารถปลดล็อกเมืองที่เผชิญปัญหารถติด แต่การแก้ปัญหานี้ต้องร่วมกันแก้ทุกภาคส่วนด้วยกัน

คุณศิริภา กล่าว

เพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น อูเบอร์ยังได้ชักชวนหน่วยงานภาครัฐ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ออกมาสำทับ ถึงปัญหารถติดในกรุงเทพฯ และการนำบริการ Ridesharing สามารถช่วยลดปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยตอบสนองความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารและช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้เวลาเดินทางของผู้โดยสารโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่