นาฬิกาแบรนด์หรูจากสวิตเซอร์แลนด์ Richard Mille กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมไทยจากประเด็นข่าวดัง และทำให้เกิดข้อสงสัยตามมามากมายว่า นาฬิกาอะไร จึงมีราคาแพงระดับเรือนละล้าน (และเป็นสิบล้าน) ขนาดนี้ !?
นาฬิกาคอนเซ็ปต์ “ฟอร์มูลา วัน”
Richard Mille เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูของ “ริชาร์ด มิลล์” ที่คลุกคลีอยู่กับวงการนาฬิกามาตั้งแต่ต้น หลังศึกษาด้านการตลาดมาจากเบอซ็องซง เขาเริ่มทำงานที่บริษัทผลิตนาฬิการะดับท้องถิ่น Finhor ตั้งแต่ปี 1974 และเริ่มก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งสูงขึ้นเมื่อบริษัทผลิตรถยนตร์ Matra ได้ซื้อกิจการ Finhor ไปในปี 1981 กระทั่ง Matra ขายกิจการด้านนาฬิกาให้กับ Seiko ไปในปี 1992 มิลล์ จึงตัดสินใจไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง จนได้ตั้งบริษัท Richard Mille ในปี 1999 และเริ่มวางจำหน่ายนาฬิการุ่น RM001 ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรกในปี 2001
ปัจจุบัน Richard Mille ออกสินค้ามาแล้วหลายรุ่น นาฬิการุ่น RM 50-03 McLaren F1 ประกอบด้วยวัสดุผสมระหว่าง ไทเทเนียม, Carbon TPT™ และ Graph TPT™ ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กถึง 6 เท่า แต่แข็งแรงกว่า 200 เท่า ซึ่งก็ทำให้สินค้าตัวนี้มีราคาสูงถึง 1 ล้านเหรียญฯ หรือ 32ล้านบาท ส่วนนาฬิการุ่น RM27-02 Rafael Nadal Edition ก็มีน้ำหนักเพียง 19 กรัม หรือเท่ากับเหรียญดอลลาร์เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น แต่ราคาก็สูงถึง 8 แสนเหรียญฯ หรือ 24 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
สินค้าของ Richard Mille มีการใช้วัสดุอีกหลายประเภท อาทิ ท่อนาโนคาร์บอน, เซรามิกชนิดแกร่งเป็นพิเศษ, NTPT® carbon, วัสดุผสานระหว่างคาร์บอนและทองคำเปลว, ซิลิคอนไนไตรด์ และวัสดุที่คนทั่วไปคงไม่คุ้นเคยอีกมากมาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เรือนนาฬิกามีความ “เบา” และ “ทนทาน” แม้วงการนาฬิกาจะวิจารณ์ว่าสินค้าของ มิลล์ ใช้ของที่ “ไม่จำเป็น” และ “เกินเหตุ” ในการสร้างนาฬิกา แต่ก็ทำให้มูลค่าของ Richard Mille พุ่งกระฉูด และเป็นที่สนใจของมหาเศรษฐีมากมาย
ตามข้อมูลนาฬิกา Richard Mille ที่ราคาถูกที่สุดก็จะมีราคาสูงถึง 50,000 เหรียญฯ หรือ 1.6 ล้านบาทแล้ว ส่วนรุ่นแพงๆ ก็ทะลุไปถึง 1 ล้านเหรียญฯ หรือ 30 กว่าล้านบาทกันเลยทีเดียว แน่นอนว่า Richard Mille ทุกเรือนผลิตจากวัสดุที่พิเศษอย่างทองคำ หรือ ไทเทเนียม แต่หากคำนวณมูลค่าของวัสดุแล้ว ก็อาจจะมีราคาแค่หลักพ้นเหรียญฯ เท่านั้น
Richard Mille ยังผลิตโดยช่างนาฬิกาผู้เชี่ยวชาญจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่นาฬิกาหนึ่งเรือนอาจจะใช้เวลาทำเป็นสัปดาห์ หรือ เดือน แต่สุดท้ายค่าแรงของการผลิตก็ยังห่างไกลจากราคาขายอยู่ดี
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Richard Mille มีราคาสูงจริงๆ ก็คงจะเป็น “ความพิเศษที่ได้ครอบครอง” สินค้าที่มีอยู่จำนวนไม่มากนักในแต่ละรุ่นนั่นเอง
เมื่อความ “แพง” คือ “จุดขาย”
ความสำเร็จของ Richard Mille ยังเกิดขึ้นจากเรื่องของราคาที่สูงมากด้วย เพราะขณะที่แบรนด์ส่วนใหญ่จะเน้นนำเสนอสินค้ามีคุณสมบัติโดดเด่น และมีราคาที่ “สมเหตุสมผล” เพื่อต่อสู้ใน “สงครามราคา” แต่ มิลล์ กลับมั่นใจที่จะเลือกใช้วัสดุที่พิเศษ เพื่อผลิตสินค้าออกมาให้ “แตกต่าง” มากที่สุด จนอาจจะพูดได้ว่า Richard Mille ต้องการที่จะเป็น “นาฬิกาที่แพงที่สุดในตลาด” ก็ว่าได้
ใช้พรีเซ็นเตอร์ นักกีฬายันดารา
คนในวงการยังเชื่อว่า “การตลาดที่ตรงเป้า” ก็ทำให้ Richard Mille สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี เพราะตัวของเขาไม่ได้มีพื้นเพมาจากการเป็นช่างนาฬิกาโดยตรง แต่จบมาทางการตลาด และสามารถเลือกใช้ “พรีเซ็นเตอร์” สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Richard Mille มักจะเลือกสนับสนุนนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมเป็นเพศชายวัยกลางคน และเป็นกีฬาซึ่งเป็นที่นิยมในอเมริกากับยุโรปเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นนักกอล์ฟ อย่าง บับบา วัตสัน, นักแข่งรถ F1 ทั้ง เจนสัน บัตตัน, เฟอร์นานโด อลอนโซ และ ฟิลิเป มาสซา รวมถึงนักเทนนิส อย่าง ราฟาเอล นาดาล ด้วย นอกจากนั้น Richard Mille ก็ยังสนับสนุนการแข่งขันกีฬาดังๆ ส่วนใหญ่เป็นการแข่งรถ เช่น Le Mans Classic กับ Grand Prix de Pau เป็นต้น
นักแสดงดังที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Richard Mille ยังมีทั้ง นาตาลี พอร์ตแมน และ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน นอกจากนั้น Richard Mille ก็ยังไม่ลืมที่จะเลือกนักแสดงเชื้อสายจีน อย่าง เฉินหลง และ มิเชล โหย่ว สำหรับตลาด “เศรษฐีใหม่” อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
ไม่ใช่แค่ “บอกเวลา” แต่บ่งบอกความหรูหราในระดับ “สุดยอด”
ความสำเร็จอันรวดเร็วของ Richard Mille ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าแบรนด์นาฬิกาสุดหรูยี่ห้อนี้ จะอยู่ในกระแสไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีแบรนด์หรูมาแรงที่ “มาเร็ว ไปเร็ว” อยู่หลายแบรนด์ แต่ที่แน่ๆ ณ ขณะนี้ Richard Mille ก็น่าจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไปอีกพักใหญ่
ส่วนหนึ่งเพราะตัวของ ริชาร์ด มิลล์ เจ้าของแบรนด์ยังคงประสบความสำเร็จกับการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าของเขา เป็นเหมือนหนึ่งใน “ไอเท็ม” ประจำตัวของเหล่าคน “รวย และมีชื่อเสียง” ในยุคปัจจุบันไปแล้ว ตัวของ ริชาร์ด มิลล์ เองก็มักจะไปปรากฏตัวยังงานปาร์ตี้อันหรูหรา ที่รวบรวมบรรดาคนดังเอาไว้เสมอ จนทำให้ Richard Mille ค่อยๆ สร้างสาวกขึ้นมาเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ได้รับความนิยมในหมู่หนุ่มๆ ต่อมาสาวๆ ก็เริ่มสวม Richard Mille กันมากขึ้น จนว่ากันว่าในตอนนี้ถ้าอยากจะให้ “ครบเซต” ก็ต้องมีกระเป๋าหนัง เฮอร์เมส คู่กับนาฬิกา Richard Mille อะไรทำนองนั้น
แน่นอนว่าภาพลักษณ์ดังกล่าวของ Richard Mille ได้รับการส่งเสริมโดยเหล่าผู้เป็นลูกค้า หรือบรรดาผู้จ่ายเงินหลักล้านบาท เพื่อครอบครองนาฬิกาสุดแพงยี่ห้อนี้ไปนั่นเอง คนเหล่านี้พร้อมโพสต์ภาพโชว์ Richard Mille ของตัวเองลงโซเชียลมีเดีย ให้ทุกคนได้ชมกัน ซึ่งนั่นก็เหมือนกับเป็นการโฆษณาให้กับ Richard Mille แบบฟรีๆ