รัฐบาลมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายขอบทั่วประเทศ ให้ใช้เน็ตความเร็วสูงฟรี เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 3 ปี ผ่านโครงการ USO เน็ตชายขอบของ กสทช. เริ่ม 1 ส.ค. ปี 61

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า รัฐบาลมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายขอบ ที่มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนกับกระทรวงการคลัง ให้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วความเร็วสูง 30/10 Mbps ฟรี โดย กสทช. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อบริการอินเทอร์เน็ตให้กับผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของการดำเนินโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ จำนวนประมาณ 3,920 หมู่บ้าน เป็นระยะเวลา 3 ปี (36 เดือน) ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 4,683.73 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยใช้จ่ายจากวงเงินเหลือจ่ายภายใต้แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (พ.ศ. 2555-2559)

ตามข้อมูลของกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปี 2560 พบว่า ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่อยู่ในพื้นที่ชายขอบนั้น มีรายได้เฉลี่ย 5,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 10,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน มติของ กสทช. ดังกล่าวนี้จะช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนเมืองกับคนในพื้นที่ชายขอบ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เช่น การรักษาแพทย์ทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การสร้างองค์ความรู้ในด้านต่างๆ รวมถึง เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้

ทั้งนี้สำนักงาน กสทช. ประเมินว่าหากครัวเรือนในพื้นที่ชายขอบสามารถสร้างรายได้ อาทิ การขายสินค้าโอท็อปผ่านระบบออนไลน์ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 2,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตปีละ 12,480 ล้านบาท

นายฐากร กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ชายขอบที่ผ่านเกณฑ์เป็นผู้มีรายน้อยของกระทรวงการคลัง กสทช. คาดว่าจะมีประมาณ 520,000 ครัวเรือน (คิดเป็น 86%) จาก 607,000 ครัวเรือน จะได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามนโยบายรัฐบาล ในที่ประชุม กสทช. ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการเชื่อมต่อบริการอินเทอร์เน็ตให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ สำนักงาน กสทช. จะประสานฐานข้อมูลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยกับกระทรวงการคลังต่อไป

นอกจากนั้น ที่ประชุม กสทช. มีมติเห็นชอบรายงานผลการศึกษาของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการให้บริการไลน์โมบาย (Line Mobile) ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม ครั้งที่ 11/2560 วันพุธที่ 22 พ.ย. 2560 ดังนี้

1. จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นนี้ เห็นว่า การให้บริการไลน์โมบาย (Line Mobile) เป็นการให้บริการโดยบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด มิใช่เป็นการให้บริการโดยบุคคลอื่นหรือบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ในลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง หรือ MVNO

2. มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. มีหนังสือแจ้งให้บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงการให้บริการไลน์โมบายให้เป็นไปตามกฎหมายและประกาศของ กสทช. ในเรื่องดังต่อไปนี้

2.1 ลงทะเบียนผู้ใช้บริการ (ซิมการ์ด) ให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐานกระบวนการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้บริการ

2.2 ดำเนินกระบวนการโอนย้ายเลขหมายสำหรับผู้ใช้บริการของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ให้มีลักษณะดังเช่นการเปลี่ยนแพ็คเกจภายในบริษัทเดียวกัน มิใช่การย้ายค่ายเบอร์เดิม

2.3 แก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมการให้บริการเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจโดยชัดแจ้งว่า บริการไลน์ โมบายเป็นการให้บริการของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เช่น การโฆษณาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง เว็บไซต์ที่เป็นช่องทางการซื้อซิมการ์ดและติดต่อบริการ การใช้ชื่อโครงข่าย (Network Name) เป็นต้น

ทั้งนี้ หากบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ไม่ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงในเรื่องดังกล่าว ให้ดำเนินมาตรการบังคับทางปกครองแก่บริษัทต่อไป และมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ติดตามและรายงานผลต่อ กสทช. เป็นระยะๆ ทุก 1 เดือน

3. มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงการให้บริการไลน์โมบายอย่างใกล้ชิด หากปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าการให้บริการไลน์โมบายอาจจะเข้าข่ายเป็นการให้บริการในลักษณะ MVNO ให้รีบรายงานให้ กสทช. ทราบเพื่อพิจารณาต่อไป

ส่วน เรื่องสัญญาณการให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับ ดีแทค ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคมแล้ว และได้บรรจุเข้าเป็นวาระการประชุม กสทช. ครั้งต่อไปในวันที่ 27 ธ.ค. 2560 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ สำนักงานฯ ได้ส่งรายละเอียดให้ กสทช. ทุกคนไปศึกษาในรายละเอียดก่อน