ผ่านมา 4 ปีเต็ม แต่สถานการณ์ของช่องทีวีดิจิทัลเวลานี้ยังต้องวิ่งสู้ฟัด เพื่อหารายได้กอบกู้ธุรกิจ ท่ามกลางวิกฤติอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล
ช่องพีพีทีวี ภายใต้การนำ “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นอดีตลูกหม้อและผู้บริหารช่อง 3 จึงต้องลงมือ “ผ่าตัด” ผังรายการครั้งใหญ่ เปลี่ยนจากช่องที่มีจุดขายอยู่ที่รายการ กีฬาต่างประเทศและข่าว ให้มาเป็นช่อง “เวิลด์คลาสทีวี” ด้วยการซื้อฟอร์แมตรายการเอนเตอร์เทนเมนต์จากต่างประเทศ และจ้างผลิต มาสร้างจุดขายใหม่
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ สุรินทร์ ต้องการนำเอนเตอร์เทนเมนต์จากต่างประเทศเข้ามาเสริมผังรายการ เพื่อขยายฐานคนดูที่เป็นกลุ่มผู้หญิงและวัยรุ่นมากขึ้น จากฐานเดิมที่เป็นผู้ชาย และคนวัย 30-49 ปีเป็นส่วนใหญ่ และต้องการขยับจากอันดับ 11 ของช่องทีทีวีดิจิทัล (เทียร์ 3) มาอยู่ในกลุ่มท็อปเทน (เทียร์ 2) ภายในปีนี้
“เดิมเรามีฟุตบอลเวิลด์คลาสที่คนรับรู้แล้ว เราต้องการขยับเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์เวิลด์คลาส ด้วยการซื้อฟอร์แมตที่ซื้อมาจากต่างประเทศ และนำผลิตโดยคนไทย”
ผังรายการใหม่ จะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อลิขสิทธิ์รายการบันเทิงจากต่างประเทศ และการจ้างผลิต เช่น กันตนา เอฟโวลูชั่น และเซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ใช้งบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่าตัว
รายการที่เป็นไฮไลต์ในกลุ่มรายการบันเทิง คือ ET Thailand ซื้อลิขสิทธิ์รายการข่าวบันเทิงจากฝั่งอเมริกา Entertainment Tonight ออกอากาศมาแล้วกว่า 36 ปี จ้างกันตนา เอฟโวลูชั่นผลิตให้ (ลิขสิทธิ์เป็นของกันตนา) เริ่มออกอากาศ 1 มีนาคม ยิงยาวทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 19.20 – 20.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.20 – 19.00 น.
กลุ่มของภาพยนตร์ Cinema Hits ซื้อลิขสิทธิ์จากค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส, โซนี่ พิคเจอร์ส, นิวรีเจนซี่ และไลออนส์ ออกอากาศในไพรม์ไทม์ วันจันทร์–อังคาร เวลา 20.15 – 22.00 น. เริ่มเดือนกุมภาพันธ์นี้
ตามมาด้วยรายการสารคดี “ชั่วโมง ดิสคัฟเวอรี” หรือ Discovery Hour ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศเช้าวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.00 น. เริ่มออกอากาศ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป
กลุ่มรายการไลฟ์สไตล์นอกจากมีเกมโชว์เกมล่าท้ารวย, Human Knowledge ตลาดสัมผัส ที่เป็นไฮไลต์อย่าง “King of Gamers” เรียลลิตี้เกมโชว์ที่เป็นการแข่งขัน eSports ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 19.00 น.- 20.00 น. เริ่มออกอากาศวันที่ 4 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ยังซื้อลิขสิทธิ์รายการ เรียลลิตี้ดังจากอเมริกา “The Real Housewives” ออกอากาศในเวอร์ชั่นไทย ในชื่อ The Real Housewives in Bangkok ถือเป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์ที่จะออนแอร์ เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
ส่วนฝั่งกีฬา นอกจากรายการแข่งขันฟุตบอล 5 รายการเดิมแล้ว ยังเพิ่มพีมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ คือ MotoGP และ Moto2 ทุกสนามจากทั่วโลก ซึ่งจะแข่งขันครั้งแรกในไทยที่สนามแข่งขันจังหวัดบุรีรัมย์ มาออกอากาศเป็นครั้งแรก
สุรินทร์ บอกว่า การเติมคอนเทนต์ใหม่ครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มฐานคนดูในช่วง 5 วันธรรมดา จากเดิมคนดูส่วนใหญ่จะมีแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์เป็นหลัก
“ถ้าขยับจาก เทียร์ 3 มาอยู่เทียร์ 2 ต้องชนะในวันธรรมดาทั้ง 5 วันด้วย จะชนะแค่เสาร์อาทิตย์ ม่ได้ ทีวีเราทำทุกวัน อย่างฟุตบอล ที่เขามาดูเรา เพราะเขาหาดูที่ไหนไม่ได้ แต่ช่วงวันธรรมดา ถ้าเขาไม่ดูเรา เขาดูที่อื่นได้ ผังใหม่จึงต้องเพิ่มคนดูวันธรรมดา”
นอกจากนี้เขายังมองว่าช่องว่างในการแข่งขันระหว่างช่องเก่าและช่องใหม่ไม่ได้ห่างมากเหมือนในอดีต เพราะเอเจนซี่โฆษณาและเจ้าของสินค้าจะดูจากความนิยมตัวรายการและโปรไฟล์คนดูเป็นหลัก ถ้ารายการไหนตอบโจทย์โจทย์ได้ย่อมมีโอกาสคว้าเม็ดเงินโฆษณาโอกาสสู้กับช่องใหญ่ได้สบาย ไม่เหมือนในอดีตโอกาสจะสู้เป็นไปได้ยากมาก
การปรับผังครั้งนี้พีพีทีวีต้องใช้เงินลงทุนในระดับพันล้านบาท เพราะถือว่าเป็นช่วงของการลงทุนเพื่อใช้สร้างฐานคนดูให้คุ้นเคยกับช่องก่อน จากนั้นโอกาสในการหารายได้จะตามมา
“เราใช้เงินไปกับรายการเยอะ ถือว่าเป็นช่วงของการลงทุน เพื่อสร้างฐานคนดู ให้คุ้นเคยกับช่องเรา จากนั้นก็ต้องหาวิธีที่จะได้เงินคืนจากการลงทุนว่าจะได้มาก”
สุรินทร์ ฝากความหวังไว้ รายการที่เป็นแม่เหล็ก คือ อีที ไทยแลนด์, คิงส์ ออฟเกมเมอร์, The Real Housewives ถ้าประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้โปรไฟล์คนดูของพีพีทีวีนอกจากจะได้คนดูผู้หญิง และคนดูอายุเด็กลงแล้วยังตอบโจทย์เรื่องความหลากหลาย เป็นทางเลือกให้กับเอเจนซี่โฆษณา สร้างโอกาสในการแย่งชิงเค้กโฆษณากับช่องหลักได้มากขึ้น
สุรินทร์ มองว่า สถานการณ์ทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะขาดทุน แม้แต่ช่องหลักเองก็กำไรลดลง บางทีต้องเฉือนเนื้อ เพราะการมีถึง 22 ช่อง ถือว่ามากเกินไป แต่ละประเทศจะมีกัน 10-12 ช่องเท่านั้น ส่วนช่องที่อยู่รอดในทีวีดิจิทัลได้นั้น จะต้องเป็นช่องที่มีคนดู และมีจุดยืนชัดเจน
ส่วนความท้าทายของเขา ที่เปลี่ยนจากช่อง 3 เป็นช่องเดิมที่อยู่อันดับต้นๆ มาอยู่ช่องพีพีทีวี คือแนวทางการทำงาน อยู่ช่องเดิมคนรู้จักดี ลูกค้าจะมาหาเอง แต่เมื่ออยู่ช่องคนรู้จักเราน้อย ก็ต้องเดินออกไปหาลูกค้า
“แต่เบอร์ 1 ก็ใช่ว่าจะเป็นเหมือนเดิม เวลานี้แลนด์สเคปทีวีเปลี่ยนไปเยอะแล้ว รายการในช่องหลัก ก็ดีเฉพาะบางช่วงเท่านั้น และด้วยความที่ช่องหลักเป็นกรอบในการทำธุรกิจ จะซื้อรายการยากกว่า โอกาสก็เลยตกเป็นของช่องรอง ที่มีความยืดหยุ่นกว่า มีทั้งไทม์แชริ่ง จ้างผลิต ซื้อรายการ ดังนั้นโอกาสที่เคยอยู่ช่องหลัก เปลี่ยนจะมาอยู่ช่องปลายๆ เวลานี้จึงมีมหาศาล”.