บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในไทยปี 2560 เป็นประวัติการณ์กว่า 43% เติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์ทั่วโลกสูงสุดกว่า 2,463,526 คัน โตขึ้น 4.1%
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เป็นประวัติการณ์กว่า 11,030 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 39%
  • บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สร้างสถิติอัตราการเติบโต 43% สูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยยอดขายรวมในปี 2560 จากจำนวนการส่งมอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และมินิ รวมสูงสุดกว่า 11,030 คัน เติบโตขึ้นถึง 39% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่สร้างสถิติยอดขายรวมต่อปีด้วยตัวเลขหลักหมื่น และเป็นยอดขายต่อปีที่ดีที่สุดของบริษัทสำหรับทั้งสามแบรนด์ โดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทย ที่สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยตัวเลขอัตราการเติบโตปีต่อปีถึง 43% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม สร้างสถิติยอดขายที่ดีที่สุดในปี 2560 ติดต่อกันเป็นปีที่เจ็ด เติบโตขึ้น 4.1% ด้วยยอดขายรวมถึง 2,463,526 คันทั่วโลก โดยทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ก็ต่างประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของสถิติยอดขายใหม่นี้ ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 2,088,283 คันทั่วโลก เติบโตขึ้นถึง 4.2% ปีต่อปี ขณะที่ยอดการส่งมอบรถยนต์มินิ สูงกว่า 371,881 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2559 ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างสถิติยอดขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ให้แก่ลูกค้ารวม 164,153 คันทั่วโลกในปี 2560 สูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 13.2%

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยตัวเลขยอดขายตามเป้าหมายจากทั้ง 3 แบรนด์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยนอกจากบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จด้วยอัตราการเติบโตสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกแล้ว เซกเมนต์ของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดยังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 269% โดยเราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทย ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มียอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู i และ บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance กว่า 100,000 คันทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีแห่งอนาคตของเรา คือสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วโลก”

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มีการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยจำนวนทั้งหมด 10,020 คัน เติบโต 43% จากปีก่อนหน้า และนับว่าเป็นสถิติการเติบโตที่สูงที่สุดในปี 2560 ในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก ทั้งยังปิดศักราชปี 2560 ลงอย่างสวยงาม ด้วยการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้แก่ลูกค้าถึง 1,422 คันในเดือนธันวาคม นับว่าเป็นการสร้างสถิติตัวเลขยอดขายที่สูงที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สำหรับเดือนธันวาคมเท่าที่เคยมีมา

ในขณะเดียวกัน ยอดขายของมินิ ประเทศไทย ก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนการส่งมอบรถยนต์รวม 1,010 คันในปี 2560 เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า และสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ยังคงรักษาระดับความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขการเติบโตต่อปีในระดับสองหลักถึงหกปีซ้อน กับยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ถึง 2,001 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 10% โดยทั้งสองแบรนด์ต่างก็ได้สร้างสถิติใหม่สำหรับเดือนธันวาคม 2560 ด้วยจำนวนการส่งมอบรถยนต์มินิให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยรวม 168 คัน ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2558 และยอดการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทยกว่า 300 คันในเดือนเดียวกัน

2560: ศักราชแห่งทางเลือกในการบริการรูปแบบใหม่ และที่สุดของประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

นอกจากความสำเร็จครั้งประวัติการณ์ในด้านยอดขายแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้นำเสนอทางเลือกในการบริการหลังการขายรูปแบบใหม่ในปี 2560 ที่ผ่านมา ด้วยการปรับโฉมโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) ซึ่งมาพร้อมตัวเลือกแพ็คแกจการบริการและการรับประกันรูปแบบใหม่ ที่ผ่านการคัดสรรให้เหมาะสมกับความต้องการในการขับขี่อันเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

ในด้านของประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้มีการเปิดตัวโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “The Ultimate JOY Experience” นำเสนอที่สุดของประสบการณ์ ครบครันทั้งกิจกรรมไลฟ์สไตล์ด้านยนตรกรรมและกีฬา พาลูกค้าสู่จุดหมายอันสุดตระการตาทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการพาเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูบินลัดฟ้าไปสัมผัสกับประสบการณ์การขับรถบนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็งบนยอดเขาในประเทศนิวซีแลนด์ หรือการเข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลกในกิจกรรม BMW Berlin Marathon

โปรแกรมทั้งสองโปรแกรมข้างต้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอประสบการณ์ในการขับขี่แบบเหนือระดับให้แก่ลูกค้า ผ่านการต่อยอดด้วยความมั่นใจบนทุกเส้นทาง และความเร้าใจที่ได้รับเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง” มร. สเตฟาน กล่าว “แน่นอนว่าเรายังมีกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย ที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยูในปี 2561 นี้”

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู ผ่านทาง ChargeNow เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนับเป็นอีกก้าวอันสำคัญยิ่งของการดำเนินภารกิจตามวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตอันยั่งยืนอย่างแท้จริง

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในปี 2560 เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการปรับโฉมและการเปิดตัวรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ การขยายทางเลือกด้านบริการหลังการขาย และการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า จนสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ได้ดียิ่งขึ้น และด้วยเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่มากขึ้นทั่วประเทศไทย และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอิน ไฮบริด เราจึงพร้อมที่จะทำให้ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของเรา” มร. สเตฟาน กล่าว

บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

ปี 2560 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย หลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดตัว BMW FREEDOM CHOICE ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่มอบอิสระในการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยทางเลือกหลากหลาย ทั้งการรับประกันมูลค่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในอนาคต รวมทั้งให้ความยืดหยุ่นเมื่อถึงวันสิ้นสุดสัญญา ไม่ว่าจะเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันเดิม หรือเปลี่ยนเป็นคันใหม่

การทำงานประสานกันอย่างแข็งแกร่งของทุกฝ่ายภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และเครือข่ายผู้ให้จำหน่ายของเรา ช่วยให้เราสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อีกครั้งในปีที่ผ่านมา” มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าว “เรามียอดสัญญาเช่าซื้อรวมเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 4.04 หมื่นล้านบาทในปี 2560 และเราก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้ไว้ต่อไปในปีนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นและแตกต่างเช่นเดียวกับ BMW FREEDOM CHOICE”

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเดินหน้าสร้างโอกาสในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับผู้ยากไร้ในหลายพื้นที่ ผ่านทางโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ (Care4Water) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ และ Waves 4 Water องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจากสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และลดปัญหาด้านสุขลักษณะ ผ่านทางการมอบอุปกรณ์และทักษะที่เอื้อต่อการเข้าถึงน้ำสะอาดในชุมชนที่ขาดแคลน รวมถึงได้ถ่ายทอดความรู้ด้านคุณประโยชน์ของน้ำที่สะอาด วิธีการติดตั้ง และดูแลระบบกรองน้ำ เพื่อใช้ชาวบ้านสามารถนำไปต่อยอดได้ด้วยตนเอง

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ส่งมอบเครื่องกรองน้ำจำนวน 3,434 เครื่อง และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำให้แก่ 38 ชุมชนทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ โดยเครื่องกรองน้ำหนึ่งเครื่องสามารถผลิตน้ำสะอาดสำหรับชาวบ้าน 100 คนได้ในแต่ละวัน หรือเท่ากับว่าปัจจุบัน บริษัทได้ช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับชาวไทยแล้วกว่า 343,400 คน ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานและอาสาสมัครจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังมีการติดตามผลเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว มีน้ำสะอาดและคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างแท้จริง นี่คือความมุ่งมั่นของเราในฐานะบรรษัทพลเมืองที่ดีของประเทศไทย” มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน สรุป

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ ได้ที่ www.care4water.org/thailand

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ในปี พ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 164,000 คันทั่วโลก วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2541 ประกอบด้วย สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 11,030 คัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ปี 2560 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 39% และถือเป็นยอดขายระดับ 5 หลักครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสิ้น 2,001 คัน โตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยสถิติดังกล่าว ทำให้ปี 2560 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดของทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่สร้างยอดการเติบโตที่ 43% นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก

ณ ปี พ.. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X4 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังพัฒนาศักยภาพในการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ บีเอ็มดับเบิลยู X3 สู่ตลาดในประเทศจีนอีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

1-800-269-269

www.bmw.co.th

www.mini.co.th

www.bmw-motorrad.co.th