นายปวิณ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ บีจี (BG) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2561 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านโครงสร้างบริษัทและการขยายฐานธุรกิจ หลังจากดำเนินการมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงรอบด้านและเดินหน้าธุรกิจได้ครอบคลุมภาพรวมยิ่งขึ้น ซึ่งปี 2560 ที่ผ่านมา นอกจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว หรือ บีจีซี (BGC) แล้ว ได้เพิ่มเติมธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจกระจกแผ่น หรือ บีจีเอฟ (BGF) เชื่อมโยงกับธุรกิจวัสดุก่อสร้างในอนาคต ธุรกิจพลังงานทางเลือก หรือ บีจีอี (BGE) เชื่อมต่อกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ธุรกิจ บรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่บรรจุภัณฑ์แก้ว หรือ บีจีพี (BGP)
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจในปี 2561 จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจาก ธุรกิจเครื่องดื่ม-อาหารโตเพิ่ม ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกระจกแผ่น ลงทุนไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตอาจต้องใช้ระยะเวลา เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการช่วง กันยายน 2560 ที่ผ่านมาส่วนการลงทุนพลังงานทางเลือกอยู่ระหว่างการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ส่วนที่ดำเนินการแล้ว คือ โซลาร์รูฟทอปขนาด 4.5 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าปีนี้ขยายเป็น 10 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ภาพรวมการลงทุนภายในปี 2561-2562 งบการลงทุนทั้งหมดประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คาดการณ์ปี 2561 ธุรกิจหลัก จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือ ของ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) เตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ประเภทหุ้นหรือไฟลิ่ง ภายในเดือนเมษายนนี้