แบงก์ชาติ แบน “คริปโตเคอเรนซี” ห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรม

แบงก์ชาติออกหนังสือเวียนให้สถาบันการเงิน ห้ามทำธุรกรรม ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี คุมเข้มการเข้าไปลงทุนหรือซื้อขายในคริปโตเคอเรนซีเพื่อผลประโยชน์ของสถาบันการเงินเองหรือผลประโยชน์ของลูกค้า ห้ามให้บริการรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีผ่านช่องทางให้บริการของสถาบันการเงิน ห้ามให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อคริปโตเคอเรนซี

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกหนังสือเวียนไปยังสถาบันการเงินทุกแห่งโดย ธปท.ฝนส.(23)ว. 276/2561 เรื่อง ขอความร่วมมือสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) เนื่องจากปัจจุบันวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการทำธุรกรรมทางการเงินและพัฒนารูปแบบการให้บริการทางการเงินในลักษณะต่าง ๆ รวมถึงการกำเนิดคริปโตเคอเรนซี เช่น Bitcoin หรือ Ether โดยคริปโตเคอเรนซีบางประเภทไม่สามารถระบุผู้ออกได้อย่างชัดเจน ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันตามมูลค่าหรือไม่มีสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมดังกล่าวสามารถทำรายการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยที่ผ่านมาราคาของคริปโตเคอเรนซีมีความผันผวนสูง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไร ผู้ทำธุรกรรมจึงมีความเสี่ยงจากการขาดทุนสูง รวมทั้งไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในระยะเวลาอันรวดเร็วได้

ในประเทศไทยคริปโตเคอเรนซียังไม่มีคุณสมบัติเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และยังไม่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใดเป็นการเฉพาะ ผู้ทำธุรกรรมอาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้บริการทางการเงินในกรณีถูกหลอกลวงหรือเกิดปัญหาในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ การใช้คริปโตเคอเรนซีอาจถูกใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมายได้ เช่น การฟอกเงิน หรือการสนับสนุนการก่อการร้าย ประกอบกับการทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นการทำผ่านระบบเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของระบบเป็นสำคัญ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เล็งเห็นถึงประเด็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริปโตเคอเรนซีที่ไม่สามารถระบุผู้ออกได้อย่างชัดเจน หรือไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันตามมูลค่าหรือไม่มีสินทรัพย์อ้างอิง ธปท. จึงขอความร่วมมือสถาบันการเงินทุกแห่ง ไม่ให้ทำธุรกรรมหรือมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. การเข้าไปลงทุนหรือซื้อขายในคริปโตเคอเรนซีเพื่อผลประโยชน์ของสถาบันการเงินเองหรือผลประโยชน์ของลูกค้า
  2. การให้บริการรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีผ่านช่องทางให้บริการของสถาบันการเงิน
  3. การสร้างแพลตฟอร์ม (platform) เพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าเข้าไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีระหว่างกัน
  4. การให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อคริปโตเคอเรนซี
  5. การสนับสนุนหรือให้คำปรึกษากับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนหรือการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี

นอกจากนี้ ธปท. ขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งเพิ่มความระมัดระวังการให้บริการด้านเงินฝากและด้านสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชี หรือการใช้บัญชีที่อาจนำไปสู่การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี โดยขอให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติในเรื่องการรู้จักตัวตนของลูกค้า (Know Your Customer : KYC) และดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence : CDD) อย่างเคร่งครัด ตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวปฏิบัติที่ทางการอาจกำหนดเพิ่มเติมต่อไป รวมทั้งร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้การทำธุรกรรมดังกล่าวถูกใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย

สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/stockmarket/detail/9610000014506