ผ่ายุทธศาสตร์ MONO29 ฟรีทีวีไทย เปิดหมากเฉียบคม ปักธงสู้ด้วยหนังซีรีส์ระดับโลก


ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วสำหรับการออกอากาศในระบบทีวีดิจิทัล แต่สมรภูมิสงครามนี้ยังดุเดือดอย่างต่อเนื่องทุกปี กลายเป็นสงครามคอนเทนต์ในการแย่งชิงเรตติ้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งเม็ดเงินโฆษณาในการหล่อเลี้ยงธุรกิจให้อยู่รอด ซึ่งระหว่างทาง 4 ปีที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย


แต่เมื่อเริ่มศักราชใหม่ปี 2561 ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก เมื่อตำแหน่งที่ 3 ของเรตติ้งสถานีโทรทัศน์ได้มีการเปลี่ยนมือจากช่อง Workpoint ที่ครองตำแหน่งนี้มายาวนาน เป็นช่อง MONO29 ที่ขึ้นมาแทนที่ ด้วยเรตติ้งรวมล่าสุดเดือนมกราคมที่ 0.839


ชี้ให้เห็นถึงการเร่งสปีดการทำตลาดของช่อง MONO29 แน่นอนว่าความสำเร็จในครั้งนี้มาจากการเดินเกมที่แหลมคม และมีหัวใจสำคัญคือคอนเทนต์ด้านภาพยนต์ที่แข็งแกร่ง โดยที่เป้าหมายสำคัญต่อไปคือเบียดแซงช่อง 3 ขึ้นเป็นเบอร์ 2 ให้ได้เร็วที่สุด!

การเดินหมากที่เฉียบคม ปักธงที่ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

ท่ามกลางสงครามคอนเทนต์ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ทำให้ผู้เล่นแต่ละรายต่างหาจุดเด่นเพื่อมาดึงดูดผู้ชม โดยที่ MONO29 มีการวางจุดยืนไว้แข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ ในการเป็นผู้นำเรื่องภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ จึงเป็นข้อได้เปรียบจนถึงทุกวันนี้  อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับสตูดิโอระดับโลกมากมาย จึงทำให้มีคอนเทนต์มาเสริมทัพให้กับสถานีตลอดเวลา


ซ้าย: คุณบรรณสิทธิ์ รักวงษ์  ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด


ขวา:คุณนวมินทร์ ประสพเนตร  ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) , กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด


นวมินทร์ ประสพเนตร  ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด  บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด   ได้เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังความสำเร็จว่า


“จุดยืนของช่องเราทำไว้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ เรามีพื้นฐานเรื่องของบันเทิง เรื่องสื่อ ทำเว็บไซต์ MThai  และช่องแซทเทิลไลท์ ZAA Network  ทำให้มีคอนเน็คชั่นกับค่ายหนังในการซื้อขาย และการทำคอนเทนต์ต่างๆ หนังไทยบ้าง ต่างประเทศบ้าง พอถึงเวลาที่เราทำสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 เลยได้นำคอนเน็คชั่นเหล่านั้นมาใช้ คือการซื้อคอนเทนต์ หนัง ซีรีส์หลากหลายแนว


ภาพยนตร์เป็นทางที่เราเลือกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยตอนทำช่องแรกๆ ก็มาดูว่าคอนเทนต์แบบไหนที่คนดูชอบ หลักๆ ก็เป็นข่าว วาไรตี้ เกมส์โชว์ และภาพยนตร์ ซึ่งข่าวไม่ใช่ทางเราอยู่แล้ว เลยมาลงตัวที่ภาพยนตร์และซีรีส์ เพราะคนไทยชอบดู เราจึงไปดีลกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อให้คอนเทนต์หนังของค่ายต่างๆมาอยู่กับเรามากที่สุด ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้ต้องยกให้ คุณพิชญ์ โพธารามิก ประธานกรรมการ บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่ทำให้เรายึดโพซิชั่นนี้ได้ พอเราทำไปได้ปีกว่าๆ ช่องอื่นเห็นว่าเราทำได้  เขาจะเข้าไปซื้อหนังก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะเราไปซื้อมาหมดแล้ว”

ปัจจุบัน MONO29 เป็นพันธมิตรกับสตูดิโอระดับโลกมากที่สุดในประเทศ ทั้ง  Warner Bros, Walt Disneys, Sony, NBC Universal, Paramount, CBS, สหมงคลฟิล์ม,  พระนครฟิล์ม,  เอ็ม พิคเจอร์ส  และล่าสุดได้เป็นพันธมิตรเพิ่มเติมกับ    20th Century Fox  ความสำคัญคือทั้งหมดล้วนเป็นพันธมิตรระยะยาว ทำให้คอนเทนต์ประเภทภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่และซีรีส์ที่ได้รับความนิยมจะมาอยู่ที่ช่อง MONO29 ก่อนใครแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

“เราวางทิศทางของช่องที่ชัดเจนว่าต้องเป็นคอนเทนต์แนวภาพยนตร์ ในอดีตช่องอนาล็อกแบบเดิมอย่างช่อง 3, 5, 7 และ 9 สามารถเป็นคอนเทนต์วาไรตี้ได้เพราะมีแค่ไม่กี่ช่อง แต่ตอนนี้ในตลาดมี 20 กว่าช่อง ทุกช่องจะมาทำวาไรตี้ไม่ได้ ทำรายการ ละคร สัมภาษณ์ มันเหมือนกันหมด ด้วยความที่คอนเทนต์เราเป็นหนังที่คนอื่นไม่มี   เลยมีเรตติ้งที่ดีเริ่มจาก 0 จากนั้นก็โตเป็นกราฟที่ดีและมั่นคงมาตลอด  ในขณะที่ช่องหลักก็เริ่มแกว่งลงมาบ้าง” นวมินทร์ได้วิเคราะห์ถึงสภาพการแข่งขันในตลาด

เรียนรู้ตลอดทาง เติมคอนเทนต์หลากหลาย

ในแต่ละปีช่อง MONO29 มีการะปรับผังตามความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอด และพยายามเติมคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลาย ปัจจุบันสัดส่วนของคอนเทนต์จะแบ่งเป็น ภาพยนตร์และซีรีส์จากต่างประเทศ 70% ส่วน 30% เป็นคอนเทนต์ผลิตเอง  เช่น รายการข่าว รายการวาไรตี้  ไทยซีรีส์ เป็นต้น


“เรามีการดูเรตติ้ง และศึกษาแนวหนังตลอดว่าหนังแนวนี้เวิร์กหรือไม่เวิร์กควรลงช่วงเวลาไหนดีกว่ากันเพื่อหาช่วงเวลาที่ดีที่สุด    ที่ผ่านมาระหว่างทางเราได้เรียนรู้ตลอดมีการรวมข้อมูลว่า     แนวไหนที่คนดูชอบซึ่งหนังแอคชั่นทุกประเภทยังเป็นแนวยอดนิยมมากที่สุดในคนดูทุกกลุ่ม อย่างแนวซุปเปอร์ฮีโร่ หรือสืบสวนสอบสวนด้วยเช่นกัน”

ปัจจุบัน MONO29 มีภาพยนตร์ประมาณ 2,000 เรื่อง แต่ละปีจะมีภาพยนตร์ใหม่เข้ามาเติม 400-500 เรื่อง และมีซีรีส์อีกกว่า 200 เรื่อง หรือคิดเป็น 4,000 ตอน ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ฉายได้นาน 3 ถึง 7 ปี


ส่วนคอนเทนต์ที่ผลิตเองจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ รายการข่าว มีทีมผลิตภายในเป็นผู้ประกาศคนรุ่นใหม่ จุดยืนของช่องจะเน้นข่าวเชิงบวก ทันสมัย เน้นการทำความดีของคน การสร้างแรงบันดาลใจจากคนประสบความสำเร็จ อีกส่วนหนึ่งเป็นรายการวาไรตี้เป็นรายการบันเทิงอัพเดตข่าวสารรายการเกี่ยวกับภาพยนตร์และมีไทยซีรีส์ที่ทำเองด้วย ค่อยๆ ทำมาเติมเพื่อให้มีความเป็นไทยมากขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มโลคอล


คุณพิชญ์ โพธารามิก ประธานกรรมการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)


บาสเกตบอล คอนเทนต์ Rising Star


ตัวใหม่อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่จะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ก็คือ  “กีฬาบาสเกตบอล”  ที่จะกลายเป็น  Content Killer ควบคู่ภาพยนตร์  จุดเริ่มต้นที่ช่องสนใจคอนเทนต์บาสเกตบอลนั้นมาจาก  Passion  ส่วนตัวของบอสใหญ่     “พิชญ์ โพธารามิก”ประธานกรรมการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้เป็นพิเศษ

และทางโมโนได้เริ่มสนับสนุนกีฬาบาสเกตบอลมาได้ 5 ปีแล้ว ร่วมกับสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย   และสมาคมบาสเกตบอลอาชีพไทย  เพื่อร่วมจัดการแข่งขัน    โดยลงทุนสร้างสนามสเตเดียม 29 ย่านชัยพฤกษ์ เพื่อให้เป็นสนามที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยและเป็นที่ยอมรับในระดับเอเชีย โดยมีทีมต่างๆ จากทั่วประเทศมาเข้าร่วมการแข่งขัน  ตอนแรกถือเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะกีฬาบาสเกตบอลยังไม่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย แต่ทางโมโนต้องการผลักดันให้เป็นที่นิยมมากขึ้น  จึงจัดให้มีรายการการแข่งขันตลอดทั้งปี   รวมทั้งการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลด้วย

นวมินทร์ เสริมว่า“ที่ผ่านมาคนไทยนิยมกีฬาฟุตบอล แต่หลายช่องให้การสนับสนุนกันมาก เราต้องการตอกย้ำภาพแบรนด์ของบาสเกตบอลให้กับช่อง MONO29 เพราะยังไม่มีช่องไหนลงมาจับอย่างจริงจัง และบาสเกตบอลก็เป็นกีฬาที่น่าสนใจ คนระดับ B+ หรือคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจและเล่นบาสเกตบอลกันมากขึ้น มีกลุ่มที่ชอบอยู่สอดคล้องกับความเป็นฮอลลีวู้ดโดยเฉพาะเรื่องของบาสเกตบอล  NBA ที่เราได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดตลอดฤดูกาล 2017-2018  ตอนนี้พบว่าเรตติ้งดีขึ้นทุกสัปดาห์มีสปอนเซอร์เข้ามามากขึ้นและมีทิศทางการเติบโตสูงขึ้น”

ตอกย้ำภาพลักษณ์ ด้วยการตลาดที่อัดแน่นทั้งปี

ในปีนี้ MONO29 ได้เดินหน้ารักษาระดับให้อยู่เบอร์ 3 อย่างมั่นคง พยายามตอกย้ำจุดยืนด้วยการโปรโมทที่หนักขึ้น และมีการใช้สื่อโฆษณาครบวงจร รวมถึงการทำกิจกรรมทางการตลาด


มีการใช้สื่อโฆษณาป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ขนาด 130 เมตรขึ้นไป  ใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่าช่อง MONO29  มีหนังที่รวมซุปเปอร์ฮีโร่มากที่สุด แล้วเน้นคำว่า “สุดขีดคอนเทนต์ระดับโลก เพื่อคนไทยทั้งประเทศ” เป็นการสร้างแบรนด์เพื่อให้คนจดจำว่า คอนเทนต์ระดับโลกต้องหาดูได้ที่ช่อง MONO29 เท่านั้น   ซึ่งจะเห็นได้ใน 5 ภาคทั่วประเทศแล้ว

อีกทั้งเน้นโปรโมทร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น หนังกลางแปลงที่จัดทั่วประเทศ จับมือกับพาร์ทเนอร์ที่ทำธุรกิจในท้องถิ่น ทำให้ได้ตลาดต่างจังหวัด ตลาดโลคอล ลงตามชุมชน


รวมถึงมีการสนับสนุนงานต่างๆ แนวเพลงก็มีการสนับสนุนงาน EDM ต่างๆ Water Sonic, พัทยา มิวสิค เฟสติวัล และมีอีกหลายสิบงาน แนวกีฬาก็มีสนับสนุนไตรกีฬา งานวิ่งมาราธอนแทบจะทุกงาน เรียกว่าเข้าถึงให้ครบคนทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ คนทุกกลุ่มสามารถติดตามช่อง MONO29 ได้ แต่ละงานก็จะมีตัวซุปเปอร์ฮีโร่ร่วมงานด้วย


และที่ไฮไลท์ที่สุดของปีนี้ กับแคมเปญ MONO29 World Trip 2018 กับ 10 ทริป 10 เดสติเนชั่น ที่ทุ่มเงินกว่า  20 ล้านบาท เพื่อพาแฟนๆ ช่อง MONO29 ไปทริปสุดพรีเมี่ยมตลอดทั้งปี 2018  เช่น ไปดูบอลที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ, ไปเยี่ยมสตูดิโอที่ฮอลลีวู้ด, ยูนิเวอร์เซล  สตูดิโอ  ประเทศญี่ปุ่น ,ไปดูบาส NBA ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา, ไปไหว้พระเสริมดวงที่ฮ่องกง เป็นต้น

ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 2 เบียดช่อง 3 ให้เร็วที่สุด

ตอนนี้ได้อยู่ในตำแหน่งที่ 3  อย่างเป็นทางการแล้ว  เป้าหมายสำคัญของช่อง  MONO29  จะขึ้นเบอร์ 2     แซงช่อง 3 ให้ได้   แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมีคอนเทนต์มาเติมเพื่อให้มีความหลากหลายปัจจุบันสำคัญคือ  “โลคอลคอนเทนต์” เช่น  ไทยซีรีส์ สามารถเข้าถึงคนดูได้กว้างขึ้น


“โลคอล คอนเทนต์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะตีตลาดแมสได้มากขึ้น ต้องค่อยๆ เสริม เราไม่ได้มีจุดแข็งด้านโปรดักชั่นโลคอล คอนเทนต์มาก่อน ที่ผ่านมาก็เริ่มมีการสะสมทีมงาน ผู้จัด ซึ่งหายาก เชื่อว่าเร็วๆ นี้จะได้กองทัพหนึ่งถึงจะโหมทัพได้ ผู้จัดเดินเข้ามาหาเอง มีทีมผู้จัด ทีม แต่ก็ยังไม่พอ ต้องการหาอีกเป็นทีมรุ่นใหม่ ไฟแรง มีความคิดสากล ต้องไม่ยึดติดกับละครแบบเดิมๆ ต้องเป็นซีรีส์มันส์ๆ”


แต่ถ้าถามว่าจะพร้อมขึ้นเป็นเบอร์ 2 เมื่อไหร่ นวมินทร์ตอบแบบถ่อมตนว่า “ไม่ได้เซ็ตไว้เป็นตัวเลข แต่อยากขึ้นให้เร็วที่สุด”  ต้องท้าทายตัวเองไปทีละจุด ถ้ามีทีมมากขึ้นใน ปีก็น่าจะได้เห็นเรตติ้งที่มากขึ้น ประกอบกับช่องหลักเรตติ้งละครถูกแชร์ไปมาก


ความสำเร็จของช่อง ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ แต่มาด้วยการเดินกลยุทธ์ที่แยบยล อ่านเกมการตลาดออก โดยที่ความท้าทายในตลาดต่อไปนั้น ต้องรักษาระดับให้ปังมากขึ้น ทำให้เป็นช่องที่คนกดรีโมทเข้าหามากที่สุด