ไทยเบฟฯ ปิดดีลซื้อกิจการเหล้า เบียร์ อาหาร มูลค่า 2 แสนล้านบาท รวบตลาดเบียร์ขึ้นเบอร์ 1 ในอาเซียน (มีคลิป)

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชนสรุปถึงการเปิดเกมรุกด้วยการซื้อกิจการเหล้า เบียร์ และธุรกิจอาหารในต่างประเทศ และไทย จำนวน 4 ดีล ในช่วงระหว่างไตรมาสแรก (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 60) ตามปีงบประมาณ 2561 (เริ่มตุลาคม 60 – กันยายน 61) รวมมูลค่า 2 แสนล้านบาท  

1. ซื้อหุ้นบริษัท ไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น หรือ ซาเบโก (Sabeco) มูลค่า 156,000 ล้านบาท

2. ซื้อหุ้น 75% ของ Grand Royal Group ผู้ผลิตสุรารายใหญ่สุดของเมียนมา มูลค่า 25,000 ล้านบาท

3. ซื้อแฟรนไชส์ ร้าน KFC จำนวน 252 สาขา มูลค่า 11,400 ล้านบาท โดยวางแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 20 แห่งในปีนี้ และเปิดอีก 30 สาขาในปี 2562

4. ซื้อหุ้น 76% ของกิจการร้านอาหารไทยของ Spice of Asia จำนวน 10 สาขา เข่น แบรนด์ Chilli cafe มูลค่า 115 ล้านบาท

โดยกลยุทธ์สำคัญ คือ เลือกซื้อกิจการที่เป็นเบอร์ 1 ในตลาด เป็นการชอตคัต เพิ่มส่วนแบ่งตลาดและรายได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำตลาด

อย่างกรณีการซื้อกิจการเบียร์ซาเบโก้ในเวียดนามส่งผลให้ไทยเบฟฯ ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในอาเซียนทันที ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวม 26% จากเดิมเป็นเบอร์ 6

จากเดิมซานมิเกลครองส่วนแบ่งตลาดอันดับแรก 19% ซาเบโก 17% ไฮเนเก้น 14% สิงห์ 13% คาร์ลสเบิร์ก 12% ช้าง 6% ฮาเบโก 7% จากตลาดรวมเบียร์ในอาเซียนมูลค่า 8,000-9,000 ล้านลิตร (ที่มา: ยูโรมอนิเตอร์, ผลประกอบการ, นิเคอิ อาเซียน รีวิว)

การโฟกัสประเทศเวียดนามเพราะตลาดเบียร์ใหญ่กว่าไทย 2 เท่า หรือราว 4,400 ล้านลิตร จำนวนประชากร 90 ล้านคน และเป็นคนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อ

ส่วนเมียนมาเพราะตลาดเหล้าใหญ่ ประชากรจำนวนมากกว่า 50 ล้านคน ที่สำคัญทั้ง 2 ตลาดมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี

การซื้อกิจการครั้งนี้ ส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ของไทยเบฟฯ ในปี 2020 ที่เดิมวางไว้ว่า แอลกอฮอล์ และนอนแอลกอฮอล์จะทำรายได้อย่างละครึ่ง แต่หลังจากซื้อกิจการเบียร์เบอร์ 1 ของเวียดนาม จะทำให้ รายได้แอลกอฮอล์ 78% นอนแอลกอฮอล์ 22%

ที่สำคัญการซื้อกิจการครั้งนี้จะส่งผลให้ (Market Cap) ของไทยเบฟฯ มีมูลค่ามากขึ้น จาก ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 Market Cap มูลค่า 500,000 ล้านบาท โดยมูลค่าดังกล่าวยังไม่รวมมูลค่าของซาเบโก และเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N).