‘ซาบีน่า’ ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 15% หลังกำไรปี 60 พุ่ง 38% เดินหน้าปันผลเพิ่ม ดันดิวิเดนท์ยิลด์ขยับ


“ซาบีน่า” เผยรายได้ปี 2560 ทะลุ 2.6 พันล้าน ขยายตัวเกือบ 12% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% ตั้งเป้าปี 61 รายได้เติบโต 15% จากปีที่แล้ว เผยปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดขายชุดชั้นในที่เพิ่มขึ้น หลังจากปรับกลยุทธ์เจาะลูกค้ากลุ่มสาว “บิ๊กไซส์” จากที่เคยเน้นทำตลาดสินค้าแฟชั่นและสาวคัพเล็ก หันผลิตสินค้านวัตกรรม โดยเฉพาะ “ไวร์เลส บรา” ที่ขายดีจนผลิตไม่ทัน พร้อมปรับช่องทางขายเน้นช่องทางออนไลน์-ทีวีช็อปปิ้ง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผู้บริหารย้ำผลงานน่าพอใจและมั่นใจโตต่อเนื่อง ส่งผลบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลงานปี 60 ในอัตราหุ้นละ 0.82 บาท ดันอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขยับ


นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2561 เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2560 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,679.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282.08 ล้านบาท คิดเป็น 11.77% จากปี 2559 ซึ่งมีรายได้รวม 2,397.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 243.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 175.67 ล้านบาท


ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ SABINA ในปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากการเติบโตของยอดขาย หลังจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดด้วยการพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะชุดชั้นในไม่มีโครงแต่มีทรง หรือไวร์เลส บรา ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างดีเยี่ยม ประกอบกับการเจาะลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใหม่ จากเดิมที่เน้นกลุ่มลูกค้าคัพเล็ก โดยทำตลาดผ่านผลิตภัณฑ์ “ดูม” เป็นการเจาะลูกค้ากลุ่มสาว “บิ๊กไซส์” หรือคัพใหญ่ ซึ่งพบว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีฐานกว้างและมีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปรับเปลี่ยนช่องทางการจำหน่าย โดยเน้นการขายออนไลน์และขายผ่านทีวีช็อปปิ้ง ซึ่งนอกจากจะตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันแล้ว ยังทำให้บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นค่าเช่าพื้นที่ รวมทั้งลดภาระการจัดสินค้าไปยังจุดขายได้อีกด้วย


“ที่ผ่านมา SABINA ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งการผลิต การพัฒนาสินค้า และการทำตลาดมาโดยตลอด เราลดการผลิตสินค้าแฟชั่นหรือสินค้าที่ตลาดมีความต้องการน้อยลง หันมาเน้นผลิตสินค้ากลุ่มที่ขายดี และเมื่อเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เราสามารถบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้ดีขึ้น” นายบุญชัยกล่าว


สำหรับปี 2561 ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 15% นั้น นอกจากจะมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้กำลังซื้อเริ่มขยับเป็นฐานกว้างและเริ่มกระจายตัวอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังเชื่อมั่นว่า จากแผนการดำเนินงานของ SABINA ที่จะเน้นพัฒนาสินค้านวัตกรรม เป็นอิโนเวชั่น โปรดักส์ รวมถึงการขยายช่องทางขายในส่วนที่เป็นนอน สโตร์ รีเทลลิ่ง (Non Store Retailing) ทั้งออนไลน์และทีวีช็อปปิ้งเพิ่มมากขึ้น จะทำให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน


ทั้งนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมา ซาบีน่ามีสัดส่วนการขายผ่านรีเทล ทั้งเคาน์เตอร์หรือช็อปในห้างสรรพสินค้า มากที่สุด 84% ที่เหลือเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในต่างประเทศ 9% ส่งออกภายใต้แบรนด์ SABINA ประมาณ 2% และผ่านช่องทาง Non Store Retailing 5% ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเพิ่มสัดส่วนการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเป็น 11%


ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มดีขึ้นต่อไปในอนาคต ทำให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.82 บาท โดยที่ผ่านมา ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท คงเหลือการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมอีกหุ้นละ 0.68 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 24 เมษายน 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2561


“อัตราเงินปันผลที่ประกาศจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นอกจากความตั้งใจในการบริหารจัดการให้บริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งแล้ว ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะตอบแทนผู้ถือหุ้นด้วยการรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากพิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ซึ่งดีขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับการที่บริษัทฯ ไม่มีแผนจะขยายการลงทุนหรือต้องใช้เงินสำหรับการลงทุนในอนาคตอันใกล้แล้ว ทำให้เราเชื่อมั่นว่า SABINA จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทคุณภาพในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผล (ดิวิเดนท์ ยิลด์) ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างน่าพอใจ” นายบุญชัยกล่าว