MCOT HD ปรับผังใหม่เติมรายการวาไรตี้บันเทิง ข่าวและซีรีส์เข้มข้น ประเดิม “กาแฟดำ ค่ำนี้” เริ่ม 2 เม.ย. นี้


บมจ. อสมท ปรับผังรายการประจำปี 2561 เติมเต็มรายการใหม่น่าสนใจ เจาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ และ   หัวเมืองใหญ่ ประเดิมด้วยข่าวช่วงเช้ารูปแบบใหม่ สุทธิชัย หยุ่น นำทัพกาแฟดำ เข้มทุกวัน ละครซิตคอมและเกมโชว์ ในขณะที่รายการเดิมมีการพัฒนาให้สดใสและสนุกขึ้น ประกาศเข้มทุกรายการต้องมี KPI รายการใด  เรตติ้งลด ปลดจากผัง รายการไหนขยับขึ้น มีการันตีค่าผลิตเพิ่มให้


นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท กล่าวว่า “MCOT HD หมายเลข 30 จะเริ่มทยอยปรับผังประจำปี 2561 ตั้งแต่ 15 มีนาคม เป็นต้นไป เริ่มจากรายการข่าวเช้าใหม่ “เช้าชวนคุย” และเมษายนจะเริ่มเติมรายการใหม่ ๆ นำโดยสุทธิชัย หยุ่น รายการ “กาแฟดำ  ค่ำนี้” เจาะลึกทุกเรื่องราว     ทั้งนวัตกรรม, วาทกรรมของผู้นำโลก แนวคิดและทิศทางเทคโนโลยี นโยบายผู้นำประเทศ การเงิน  ฯลฯ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์  เวลา 22.30 – 23.00 น เริ่ม 2 เม.ย. นี้ รายการวาไรตี้ “หม้ายตัวแม่” โดย 3 คนดัง พิงค์กี้, ตุ๊ก ญาณี, ท็อป ดารณีนุช,เกมโชว์ “อาบได้ร้องโดน” แข่งขันร้องเพลงในห้องน้ำ, รายการ“แปลกแต่จริง”, บ้าพลัง, วาไรตี้ท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ “บานาน่าซ่าปรี๊ด” และละครซิตคอม และละครชีวิต “คนนี้ที่รอคอย”จากรายการวันนี้ที่รอคอยที่โด่งดังขวัญใจผู้สูงอายุและครอบครัว สำหรับรายการข่าว สารคดี และ ซีรีส์จีน จะมีการพัฒนาให้เข้มข้นขึ้น  โดยจะมีซีรีส์จีนชุดใหม่มาให้ชม อาทิ “นางพญางูขาว” พร้อมเชื่อมต่อกับผู้ชมมากขึ้น ด้วย Social  Media  โดยเฉพาะรายการ “ข่าวดังข้ามเวลา” และ “ชัวร์ก่อนแชร์” โฉมใหม่ ซึ่งปัจจุบันข่าวดังข้ามเวลายังได้ออกอากาศใน Netflix อีกด้วย”


“ปัจจุบันกลุ่มผู้ชมของ อสมท ยังมีฐานอยู่มาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และมีรายได้  ซึ่งจะเห็นจากการที่ลูกค้าบางรายมาประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์สินค้าในช่อง MCOT HD  เป็นจำนวนมาก สำหรับผังรายการใหม่นี้ จะช่วยให้ MCOT HD มีผู้ชมกลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น  โดยจะเน้นกลุ่มอายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา และกลุ่มในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ในเดือนเมษายนนี้ อสมท ได้ร่วมกับ คุณสุทธิชัย หยุ่น เพื่อผลิตรายการ กาแฟดำ ค่ำนี้ ที่จะมาวิเคราะห์สถานการณ์โลก และเจาะลึกประเด็นในสังคมไทยที่อยู่ในกระแส ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เข้มทุกหยด ครบรส ทุกค่ำคืน” ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกครั้ง” นายเขมทัตต์ กล่าว


ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น กล่าวว่า  “ช่อง 9 เป็นที่ที่ผมได้ทำรายการโทรทัศน์อย่างเป็นทางการได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆทางโทรทัศน์เมื่อหลายปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการจัดรายการวิเคราะห์สถานการณ์ในรายการ นับถอยหลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย, รายการเลือกตั้งสัญจร, เนชั่นนิวส์ทอล์ค และ รายการชีพจรโลก  วันนี้ได้กลับมาที่ ช่อง 9 อีกครั้งใน “รายการกาแฟดำ ค่ำนี้” ซึ่ง “กาแฟดำ”เคยเป็นคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่ผมเขียนมาอย่างยาวนาน วันนี้ผมจะนำสิ่งที่ได้พบเจอ มาเสิร์ฟกาแฟดำทางหน้าจอทีวีให้มีสีสัน สนุก สาระ ชวนคิด แบ่งปันประสบการณ์ให้คนดู เป็นเพื่อนชวนคุยก่อนนอนที่สนุกและน่าสนใจ ผมเชื่อว่าจะไม่มีอยู่ในรายการข่าวใดๆของเมืองไทย หาดูได้ที่เดียวที่ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30”


นอกจากนี้ นายสุทธิชัย หยุ่น ยังให้ความเห็นถึงกรณีที่ ศาลปกครองกลางพิพากษาในคดี บริษัท ไทยทีวี จำกัด ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า “ผมมองว่าบทบาทจริงๆขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะคิดแต่เพียงควบคุมไม่ได้ แต่ต้องมีทั้งแรงหนุนและแรงเสริม อย่างที่ทุกประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกเป็นดิจิทัลเขาทำกัน แต่ กสทช.ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ จึงทำให้เกิดวิกฤติขึ้น และถึงแม้จะเยียวยาได้บางเรื่องก็อาจจะสายเกินไป เพราะความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่แง่ธุรกิจ แต่ผมมองในแง่เนื้อหาคุณภาพรายการด้วย รวมถึงคุณภาพของคนทำสื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มันเสื่อมทรุดลงไป วันนี้รูปแบบของโครงสร้างเจ้าของสื่อเปลี่ยนไป เมื่อเวลานายทุนเข้าไปเขาอาจไม่คิด เรื่องคุณภาพเป็นอันดับแรกแต่ต้องคิดเรื่องกำไรขาดทุน จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วง ในฐานะคนทำสื่อ”