บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นอันดับหนึ่งวงการรถยนต์หรูเมืองไทย ส่งรถยนต์ 4 รุ่นล่าสุด ทั้งในกลุ่มดรีมคาร์ อย่าง The new CLS 300 d AMG Premium สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันงดงาม The E 200 Coupé AMG Dynamic สปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ที่มอบ ความกว้างขวางและสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้โดยสาร GLC 250 4MATIC Coupé ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้ เข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงยนตรกรรมหรูอัจฉริยะ The S 350 d Exclusive และ The S 350 d AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศ ที่สุดแห่งความสง่า เติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่สำหรับผู้นำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมรถยนต์คันพิเศษ “GLA Millennials’ Voices Edition” ผลงานการเพ้นท์ภาพของศิลปินกราฟิตี้ชื่อดัง “อเล็กซ์ เฟส” รวมทั้งยนตรกรรมหรูรวมกว่า 28 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ มาจัดแสดงภายในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 39” ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน 2561 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า พร้อมให้ความสำคัญกับการนำเสนอยนตรกรรมที่หลากหลาย พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 39 ทางบริษัทฯ ได้ทำการออกแบบบูธที่มีการแบ่งโซนของรถยนต์ทั้งในกลุ่มและแบรนด์ต่างๆ เป็นจำนวน 5 โซนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์เมอร์เซเดส–เบนซ์ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedans & Dream Car, SUV และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz รวมถึงแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง อย่าง Mercedes-AMG มาให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นถึงจุดเด่นและ ความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น”
มร.ไมเคิล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายในงานจัดแสดงรถยนต์ครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้นำเสนอรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความหรูหราสไตล์สปอร์ต ซึ่งจากการตอบรับ อย่างดีเยี่ยมในรถยนต์กลุ่มนี้ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายเฉพาะกลุ่ม Dream Car เพิ่มขึ้นกว่า 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ดังนั้น เพื่อสานต่อในความสำเร็จนี้ เราจึงได้นำเสนอรถยนต์รุ่นที่ 3 ในตระกูล CLS อย่าง The new CLS 300 d AMG Premium สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันงดงามที่จะช่วยเสริมรากฐานและเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูลนี้ให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น พร้อมด้วยรถยนต์ The E-Class Coupé รุ่น E 200 Coupé AMG Dynamic สปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ที่มอบความกว้างขวางและสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้โดยสาร ที่มาพร้อมกับความสมรรถนะเร้าใจของเครื่องยนต์เบนซิน 1,991 ซีซี และ GLC 250 4MATIC Coupé ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญอย่าง The S-Class รุ่นประกอบในประเทศ ที่สุดแห่งความสง่า เติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่สำหรับผู้นำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้มานำเสนอให้ลูกค้าได้เลือกสรรกันถึง 2 รุ่นย่อย คือ The S 350 d Exclusive และ The S 350 d AMG Premium”
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจากนี้ เรายังได้สานต่อโปรเจ็คท์ #GrowupLikeThis ที่เกิดจากการนำอินไซท์ของกลุ่มคนมิลเลนเนียลที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพตนเองสูงโดยเฉพาะใน “ความเป็นผู้ใหญ่” ที่ชอบแสดงความคิดและทัศนคติในแบบของตัวเอง (Self-express) แต่ในบางครั้งสิ่งเหล่านี้ มักถูกคนในสังคมมองข้ามไป ผ่านการนำรถยนต์ “GLA Millennials’ Voices Edition” รถยนต์ Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic คันพิเศษที่ได้รับการสร้างสรรค์ผลงานเพ้นท์ภาพจากศิลปินกราฟิตี้ชื่อดัง “อเล็กซ์ เฟส” หรือ “พัชรพล แตงรื่น” เพื่อเป็นเหมือนกระบอกเสียงให้กับคนยุคมิลเลนเนียลในการแสดงออกทางความคิดและมุมมองการใช้ชีวิตของพวกเขา โดยถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านคาแรคเตอร์ “เด็กน้อยสามตาหน้าบึ้ง” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ Alex Face มาจัดแสดงให้บุคคลทั่วไปได้ชมภายในงานอีกด้วย”
“นอกเหนือจากขบวนรถยนต์มากมายที่นำมาจัดแสดงในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 39 เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedans, Dream Car, SUV และ Mercedes-AMG อีกกว่า 20 รุ่น มาจัดแสดง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้เตรียมข้อเสนอพิเศษสุดเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้าที่สนใจรถยนต์ The C-Class ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น C 350 e Avantgarde, C 350 e Exclusive และ C 350 e AMG Dynamic พร้อมรับรถภายในเดือนมีนาคม 2561 นี้ สามารถผ่อนชำระรถยนต์ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 ปี พร้อมรับฟรีประกันชั้น 1 MB Protection ระยะเวลา 1 ปีอีกด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ The new CLS 300 d AMG Premium
สำหรับ ดีไซน์ภายนอก ของ The new CLS 300 d AMG Premium มีจุดเด่นอยู่ที่กระจังหน้าแบบ diamond-pattern grille ที่มีเส้นตัดแบ่งเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์แบบคูเป้ของ เมอร์เซเดส–เบนซ์ พร้อมเส้นสายที่ดูกว้างและมีลักษณะทอดตัวลงไปที่พื้น คล้ายกับลักษณะของ Mercedes-AMG GT นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า – หลัง และสเกิร์ตดีไซน์สปอร์ตจาก AMG, สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก, ล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19″ อีกทั้งยังมีชุดไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ The new CLS 300 d AMG Premium นั้นหรูหราเรียบง่าย แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการติดตั้งไฟประดับที่ช่องลมของเครื่องปรับอากาศ เพื่อเสริมรูปลักษณ์ของช่องลมที่ดูคล้ายเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ทให้ดูโดดเด่นและสวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมลูกเล่นด้วยการเปลี่ยนสีเมื่อมีการปรับอุณหภูมิ รวมถึงการออกแบบแผงหน้าปัดสำหรับผู้ขับขี่แบบดิจิทัล ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ เพื่อให้เหมาะกับความรู้สึกขณะขับขี่ หรือให้เข้ากับการตกแต่งภายในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส–เบนซ์ได้มีการออกแบบเบาะที่นั่งสำหรับรถยนต์ตระกูลซีแอลเอสรุ่นใหม่โดยเฉพาะ พร้อมปรับการจัดวางเบาะที่นั่งของ The new CLS เป็นแบบ 5 ที่นั่งเป็นครั้งแรก โดยวัสดุหุ้มเบาะและฝีเข็มสำหรับทั้งเบาะที่นั่งคู่หน้าและเบาะที่นั่งตอนหลังที่อยู่ในตำแหน่งตรงกับเบาะที่นั่งตอนหน้าถูกจัดวางให้เหมือนกันทุกประการ เพื่อสร้างความรู้สึกให้คล้ายกับรถสปอร์ต 1 ที่นั่ง เบาะที่นั่งตอนหลังยังสามารถพับลงแบบ 40/20/40 ได้เพื่อขยายความจุของกระโปรงหลังที่มีความจุสูงถึง 520 ลิตร, เบาะที่นั่งคู่หน้าสามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ, พวงมาลัยพาวเวอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้านท้ายตัดที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถด้วยระบบไฟฟ้า หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control, ระบบ AUDIO 20 GPS และหน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วต่อกัน 2 จอ, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad, กาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต อีกทั้งยังสามารถเลือกสีของไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารได้ถึง 64 สี (Premium ambient lighting)
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี โดดเด่นด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว, ระบบกุญแจ KEYLESS-GO พร้อม HAND-FREE ACCESS, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display), ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-Zone, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC), ระบบ นำทาง (navigation system), ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System, ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto และระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่
The new CLS 300 d AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering – wheel Gearshift Paddles) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
The new CLS 300 d AMG Premium ราคา 4,980,000 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ The E 200 Coupé AMG Dynamic
สำหรับ ดีไซน์ภายนอก ของ The E 200 Coupé AMG Dynamic สปอร์ตคูเป้หรูล้ำสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่เมอร์เซเดส–เบนซ์พัฒนาและออกแบบ เพื่อให้ได้ยานยนต์ที่มีรูปทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยวดุดันมากขึ้น สะท้อนเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่รับกับกระจังหน้าแบบ diamond grille ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, บานหน้าต่างแบบไร้ขอบที่สามารถเปิดขึ้น–ลงได้ ทั้งบานหน้าและบานหลัง, กันชนหน้า – หลัง และสเกิร์ตดีไซน์สปอร์ตจาก AMG, สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก, ล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG สี high-gloss black พร้อม high-sheen finish แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19″
ดีไซน์ภายใน เป็นการผสมผสานระหว่างความโฉบเฉี่ยวของรถสปอร์ต และความเรียบหรูในแบบของเมอร์เซเดส–เบนซ์ The E 200 Coupé AMG Dynamic โดดเด่นด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส คอนโซลด้านหน้าและด้านบนของแผงข้างประตูตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย crystal grain และคอนโซลกลางตกแต่งด้วยลายไม้ black open-pore black ash จอแสดงผลความละเอียดสูง แบบ widescreen cockpit ที่กว้างพิเศษถึง 31.2 ซม. (12.3 นิ้ว) รับกับดีไซน์คมเข้มของช่องระบบปรับอากาศใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากรูปทรงใบพัดของเครื่องยนต์อากาศยาน พร้อมพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ ประกอบด้วยระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 แบบ คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO พร้อมฟังก์ชันเปิด–ปิดฝากระโปรงโดยไม่ต้องใช้มือ (HAND-FREE ACCESS) ระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า (automatic belt feeders) ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple Car Play™) และ Android Auto
The E 200 Coupé AMG Dynamic มาพร้อมกับ ระบบเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น และช่วยให้อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
The E 200 Coupé AMG Dynamic ราคา 4,390,000 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ The S-Class รุ่นประกอบในประเทศ
สำหรับ The S-Class รุ่นประกอบในประเทศ มีมาให้ลูกค้าได้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ The S 350 d Exclusive และ The S 350 d AMG Premium โดยดีไซน์ภายนอก ของทั้ง 2 รุ่น หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน งามสง่าด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ULTRA RANGE ที่ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตรโดยอัตโนมัติหากไม่พบรถยนต์ที่ วิ่งสวนทางมา รวมถึงไฟ daytime สำหรับขับขี่กลางวันแบบ LED 3 เส้น รับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก โดย The S 350 d Exclusive จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยแบบ multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว ในขณะที่ The S 350 d AMG Premium จะมาพร้อมกับกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10-spoke ขนาด20 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน รวมถึงบริเวณห้องโดยสารของ The S-Class สร้างนิยามอีกขั้นของ ความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก โดยเทคโนโลยีนี้จะควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมถึงโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งด้านหลัง 6 แบบ เพื่อช่วยให้คุณผ่อนคลายตลอดการเดินทาง พร้อมการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม รวมถึงที่นั่งตอนหลังที่มาพร้อมกับ Chauffeur Seat Package ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริหารซึ่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังได้มากยิ่งขึ้น จากการปรับเลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหน้าได้อีก 4 ซม. และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 ซม. จากตำแหน่งปกติ ทำให้มีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้น โดย The S 350 d Exclusive จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ touch control ในขณะที่ The S 350 d AMG Premium จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต 3 ก้านท้ายตัด หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ touch control ผ้าหลังคาและแผงบังแดดด้านหน้า หุ้มด้วย DINAMICA microfibre
สำหรับเทคโนโลยีและระบบมัลติมีเดีย มาพร้อมกับระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ระบบแผนที่นำทาง ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย สำหรับที่นั่งด้านหน้า ระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester® surround sound system ระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง โดย The S 350 d AMG Premium จะมีระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) เพิ่มเติม
The S 350 d Exclusive ราคา 6,390,000 บาท
The S 350 d AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ The GLC Coupé
GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว
ดีไซน์ภายนอก มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส–เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลาง เสริมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นสายหลังคาและลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย ที่เน้นดีไซน์แบบเรียบหรู ล้ำสมัยเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งดุดันด้วยปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า–หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว, บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ตแบบ aluminium-look Running boards พร้อมด้วยหลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด–ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน ของ The GLC Coupé มาพร้อมจุดเด่นภายในห้องโดยสาร อย่าง แดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น แผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่และถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียว ด้านบนของคอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมเพาเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ เพื่อเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้น พร้อมช่วยเสริมความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเลือกใช้โหมดของระบบกันสะเทือนแบบ SPORT และ SPORT+ ฟังก์ชัน ECO start/stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ THERMATIC แบบ 2 โซน, ฟังก์ชันปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE), เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น รวมถึงระบบมัลติมีเดีย อย่าง ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation for SD-Card navigation) ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The GLC Coupé มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบ การช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE systemโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น