ธนาคารกสิกรไทยถือเป็นแบงก์ใหญ่รายแรกๆ ที่ออกมาประกาศฟรีค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล
การเฉือนเนื้อรอบนี้ ทำให้แบงก์ต้องสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าในมืออยู่ถึง 8.1 ล้านราย ถือว่ามากสุดในบรรดาแบงก์ด้วยกัน จึงถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อเทียบกับแบงก์อื่นๆ ที่ประกาศฟรีค่าธรรมเนียมเช่นเดียวกัน
ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) บอกกับผู้ถือหุ้นถึงกรณีดังกล่าวว่า รายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไป ซึ่งไม่ถึง 4,000 ล้านบาทนั้น ธนาคารไม่กังวล เพราะธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในระบบได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และเพื่อรักษารายได้ให้อยู่ระดับสูง ธนาคารจำเป็นต้องหันไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ซึ่งมีหลายช่องทางในการสร้างรายได้ ในระยะสั้น เน้นขายกองทุนกับประกันเป็นหลัก
ขณะที่การลดสาขาของธนาคารในอนาคตนั้น ก็เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของธนาคาร ซึ่งลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากธนาคารได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางในการบริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนพนักงานนั้น ธนาคารยืนยันว่าไม่มีการปรับลดพนักงานในอนาคตแน่นอน แต่จะมีการปรับโยกย้ายพนักงานไปอยู่ในส่วนที่ขาดแคลนแทน
ธนาคาร มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างประกันชีวิตให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากการขายประกันผ่านช่องทางธนาคาร (แบงก์แอสชัวร์รันส์) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เติบโตค่อนข้างมาก สามารถทำรายได้ให้กับธนาคารเป็นอย่างดี ล่าสุด ได้มีการหารือกับทางบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้ง พัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ และรักษาการผู้บริหารสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัท วัย 46 ปี ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ของธนาคาร และถือเป็นกรรมการผู้จัดการคนที่ 4 จากปัจจุบันที่มีกรรมการผู้จัดการ 3 คน คือ ปรีดี ดาวฉาย, ขัตติยา อินทรวิชัย และพิพิธ เอนกนิธิ
พร้อมกับได้แต่งตั้ง กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นกรรมการอิสระ.