ระดับ “พี่ตูน บอดี้สแลม” พรีเซ็นเตอร์คงไม่พอ ต้องเป็น “Brand Endorser” สูตรเรียกศรัทธาแบรนด์ “พฤกษา” ตอบโจทย์คนอยากมีบ้านคุณภาพ

เป็นการลุกขึ้นมารีแบรนด์องค์กร” (Corporate Brand) ครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี สำหรับบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)” โดยโจทย์ใหญ่ครั้งนี้ คือการพยายามกู้ภาพลักษณ์การเป็นบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพให้ดีขึ้น เพราะในฐานะเจ้าตลาดมีส่วนแบ่งในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มากสุด จากส่งมอบบ้านเดีย่ว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียมปีละกว่า 20,000 ยูนิต ทำให้การแจ้งซ่อม ร้องเรียนปัญหาเกี่ยวกับบ้านมีมากเป็นเงาตามตัว เฉลี่ย 0.48 รายการต่อหลังต่อเดือน

หากปล่อยให้ชื่อเสียงแบรนด์กลายเป็นชื่อเสียย่อมไม่ดีต่อการทำตลาดและขายสินค้าอย่างแน่นอน ดังนั้น พฤกษา ต้องหาสัญลักษณ์ความเชื่อมั่นแบรนด์มาตีตราประทับ” (Trust Mark) ให้ได้ จึงใช้กลยุทธ์ดังนี้

• ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เกือบ 10% ของงบการตลาดและโฆษณา (A&P) ทั้งปีราว 1,200 ล้านบาท เพื่อดึง พี่ตูน บอดี้สแลม หรืออาทิวราห์ คงมาลัยมาเป็น “Brand Endorser” เป็นเวลา 1 ปี

พี่ตูน บอดี้สแลม Brand Endorser ของพฤกษา

• ระดับ พี่ตูนต้องเป็น Brand Endorser ไม่ใช่ พรีเซ็นเตอร์ หรือ Brand Ambassador” เพราะพรีเซ็นเตอร์ต้องใช้สินค้าจริง แล้วมาเล่าสรรพคุณสินค้า แต่แบรนด์เอ็นดอสเซอร์ แค่เชื่อมั่นว่าเป็นของจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรเลยผู้บริโภคก็พร้อมเทใจให้และซื้อสินค้า

• เหตุผลที่ใช้พี่ตูน เพราะปีก่อนสร้างปรากฏการณ์วิ่งจากใต้จรดเหนือระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลในโครงการก้าวคนละก้าวสะท้อนภาพ แบรนด์ที่ดี (Personal Brand) เป็นต้นแบบปูทางสู่แบรนด์ที่รักของผู้บริโภค หรือ Brand Love

• พี่ตูน จึงเรียกทั้งศรัทธาให้แบรนด์พฤกษา และหนุนให้ขึ้นแชมป์แบรนด์ Top of Mind มัดใจบริโภคอยากมีบ้านให้นึกถึงพฤกษาเป็นแบรนด์แรกจากปัจจุบันเป็นเบอร์ 3

• พี่ตูน จึงตอบโจทย์พฤกษาทั้งหมดเป๊ะ! ประมาณว่า เห็นพี่ตูน หรือเห็น Corporate Brand โลโก้ใบไม้สีเขียวและตัว P นี่คือคุณภาพ” 

แบรนด์เอ็นดอสเซอร์ เหมือนคนที่สร้าง Trust Mark ให้กับพฤกษา ที่เห็นปุ๊บเชื่อได้ทันทีในเรื่องคุณภาพของที่อยู่อาศัย เหมือนกับการไปกินอาหาร ถ้าผู้บริโภคเห็นเครื่องหมายเชลล์ชวนชิม มิชลินสตาร์ การันตีความอร่อยได้เลยสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง บอก 

สูตรสร้างแบรนด์ปีนี้บริษัทยังโฟกัสการทำ Story of Doing มากกว่า Story of Telling ดึง 5 แนวทาง มาทำให้เห็นจริง ได้แก่

1. การตอกย้ำนวัตกรรมการก่อสร้าง เพราะเป็นจุดแข็งของพฤกษาที่ Disrupt ตลาดที่อยู่อาศัย

2. การดีไซน์สินค้า ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่วัยทำงานผู้ใหญ่คนชราครบครันทุกไลฟ์สไตล์

3. การบริการลูกค้า มีบริการซื้อที่อยู่อาศัยแบบ One Stop Service การเปิดให้บริการบัตรสมาชิกเพื่อให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกบ้าน

4. นวัตกรรม ที่มีทั้งบ้านปลอดภัย บ้านสำหรับคนชรา บ้านสีเขียว และ 5.สร้างชุมชน (Community) โดยรอบหมู่บ้านให้ดีขึ้น   

“Norm การทำตลาดอสังหาฯ เน้นใช้ Emotional Marketing เล่าเรื่องดีไซน์การออกแบบบ้าน สวยยังไง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่ แต่เราต้องการทำจุดแข็งที่มีตั้งแต่ภายในองค์กรสู่ภายนอก เริ่มจากโรงงาน การสร้างบ้าน นวัตกรรม นี่จึงไม่ใช่การทำแคมเปญการตลาด แต่เป็นการสร้าง Brand Purpose ให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาสมีซัพพลายที่อยู่อาศัยมูลค่า 8710,000 ล้านบาท เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีจำนวน 211,000 ยูนิต เติบโต 4% ส่วนจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ไตรมาสแรกมีทั้งสิ้น 110 โครงการ มูลค่า 108,000 ล้านบาท โต 15% มีจำนวน 25,000 ยูนิต ลดลง 1%

ไตรมาสแรกพฤกษาเปิดตัว 15 โครงการใหม่ มูลค่า 9,800 ล้านบาท ทั้งปีจะเปิด 77 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท ส่วนยอดขายไตรมาสแรกอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย เพราะเปิดคอนโดมิเนียมน้อย ส่วนรายได้และกำไรมีการเติบโตขึ้น ด้านยอดขายทั้งปีตั้งไว้ 53,700 ล้านบาท เติบโต 13% ขณะที่ยอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อกอยู่ที่ 31,000 ล้านบาท ปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท

ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากกำลังซื้อดีขึ้น เพราะหนี้ครัวเรือนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2558 อัตราหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยคนไทยอยู่ที่ 81.6% ปี 2559 ลดเหลือ 80% และปี 2560 ลดเหลือ 77.5% จากการสิ่นสุดโครงการรถคันแรก