รอลุ้นกันมาพักใหญ่ สำหรับการเปิดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลผ่านการระดมทุน ICO ในวันแรกของบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC บริษัทลูกของ JMART ซึ่งถือเป็นรายแรกในประเทศไทย ที่ระดมทุนด้วยการทำ Initial Coin Offering (ICO) ในชื่อเหรียญ JFin Coin โทเคนสัญชาติไทย
โดยเข้าซื้อขายหน่วยโทเคนในตลาดรอง Coin Asset หรือกระดานซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ได้เป็นครั้งแรก (1st Trading Day) ในวันที่ 2 พฤษภาคม ปรากฏว่าราคาที่ซื้อขายปรับลดลงมากที่สุดกว่า -57.09% และมีความผันผวนรุนแรงอย่างมาก โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 6.45 บาท แต่ก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 3 บาทต่อโทเคน
ความตั้งใจของ JMART ต้องการนำบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC บริษัทย่อยที่ JMART ถือหุ้นในสัดส่วน 80% ทำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันทางด้านฟินเทค ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัป และเป็นรายแรกในประเทศไทยของกลุ่มบริษัทมหาชน ที่เข้ามาระดมทุนด้วยการทำ Initial Coin Offering (ICO) ในชื่อเหรียญ JFin Coin โทเคนสัญชาติไทย โดยเข้าซื้อขายในตลาดรองวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 เป็นวันแรก
อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART บอกว่า การนำบริษัท บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ซึ่งทำธุรกิจ พัฒนาซอฟต์แวร์ และแอฟพลิเคชันทางด้านฟินเทค ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัป ระดมทุนในตลาดเงินดิจิทัล ก็เพื่อต้องการปลุกกระแส ICO ในประเทศไทย และพร้อมจะอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานภาครัฐบาล ที่เตรียมจะประกาศกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมาควบคุม ดูแล และสนับสนุนในอนาคต
ทั้งนี้ JFIN Coin จะจะระดมทุนในหลายช่วง ซึ่งช่วงแรกจะระดมทุน จำนวน 100 ล้านโทเคน และได้มีการเปิดพรีเซลไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา ในราคาโทเคนละ 6.60 บาท โดยมีผู้เสนอซื้อหมดทั้งจำนวน
อย่างไรก็ตาม JVC จะระดมทุนออกขาย ICO ในชื่อ JFIN Coin ทั้งสิ้น 300 ล้านเหรียญ เพื่อนำไปพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัล โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบัน
ทางด้าน ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC JFIN Coin จำนวน 100 ล้านโทเคน ด้วยราคาแรกที่ 6.45 บาทต่อโทเคน ซึ่ง JFIN จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 660 ล้านบาท มาใช้พัฒนาดำเนินการพัฒนาระบบ JFIN Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) แพลตฟอร์มให้บริการการกู้ยืมบนระบบบล็อกเชน คาดระบบจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2562 จากนั้นจะนำไปใช้ในธุรกิจสินเชื่อของบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ บริษัทฯ มีแผนโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มเติม เริ่มต้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางแผนไปเทรดในกระดานต่างประเทศที่ HitBTC ที่ฮ่องกง และ Upbit ที่เกาหลีใต้ ในลำดับตอไป.