สุกี้ตี๋น้อย อาจเป็นดีลลงทุนที่คุ้มที่สุดของ JMART คาดอาจคืนทุนได้ในปี 69

บมจ. เจมาร์ท หรือ JMART เข้าลงทุนใน สุกี้ตี๋น้อย ตั้งแต่ปลายปี 2565 และดีลนี้อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของ JMART เลยก็ว่าได้!

ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือน พ.ย. 65 JMART เข้าซื้อหุ้นจาก บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย) จำนวน 352,941 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% มูลค่า 1,200 ล้านบาท (เท่ากับ JMART ประเมินมูลค่ากิจการสุกี้ตี๋น้อยอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี สุกี้ตี๋น้อย ประสบความสำเร็จสูงมาก สะท้อนจากผลประกอบการ ปี 2562-2567 ดังนี้

  • ปี 2562 มีรายได้ 499 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 1,223 ล้านบาท กำไร 140.3 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 3,976 ล้านบาท กำไร 591.5 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 5,262.4 ล้านบาท กำไร 907.1 ล้านบาท

ส่วนปี 2567 ทำกำไรทะลุ 1,169 ล้านบาท จาก 78 สาขา ณ สิ้นปี 2567 (อ้างอิงข้อมูลผลประกอบการปี 2567 ของ JMART)

นั่นแปลว่า สุกี้ตี๋น้อย มีการเติบโตเฉลี่ยรายได้อยู่ที่ 80% ต่อปี และการเติบโตเฉลี่ยกำไร 138% ต่อปี

สุกี้ตี๋น้อย
รูปภาพจาก FB : สุกี้ตี๋น้อย

ส่วน JMART ลงทุนในสุกี้ตี๋น้อย 3 ปี ได้ส่วนแบ่งกำไรขยายตัวขึ้นทุกปี

  • ปี 2565 ส่วนแบ่งกำไร 19 ล้านบาท (เพิ่งเข้าลงทุนได้ไม่เต็มปี)
  • ปี 2566 ส่วนแบ่งกำไร 274 ล้านบาท
  • ปี 2567 ส่วนแบ่งกำไร 350.7 ล้านบาท

เท่ากับว่า มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของส่วนแบ่งกำไรสูงถึง 329% ต่อปี

หากอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของสุกี้ตี๋น้อยคงที่ และส่วนแบ่งกำไรของ JMART ขยายตัวเท่าเดิมในทุกปี

นั่นจะทำให้ JMART สามารถคืนทุนได้ภายในปี 2569 ถือว่าเป็นการคืนทุนในอัตราที่เร็วมาก (ประมาณ 4 ปี) จึงกล่าวได้ว่าดีลนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสุดของ JMART ก็ว่าได้

ร้านสุกี้ตี๋น้อย
ร้านสุกี้ตี๋น้อย ภาพจาก FB สุกี้ตี๋น้อย

สำหรับ สุกี้ตี๋น้อย ภาพรวมธุรกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการรุกขยายสาขา และบางส่วนเป็นการขยายในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ มหาสารคาม อุดรธานี เป็นต้น

รวมไปถึงการสยายปีกเข้าสู่ตลาดบาร์บีคิว โดยเปิดร้าน Teenoi BBQ สาขาแรก ที่ Jas Green Village คู้บอน เมื่อ 28 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา

ขณะที่ ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในไทย ปี 2568 (ข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย) คาดมีมูลค่า 5.72 แสนล้านบาท เติบโต 4.8% (YoY) ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสตรีทฟู้ดแนวโน้มโตดีสุดจากความนิยมของนักท่องเที่ยว

ทว่ายังมีความท้าทายหลายด้าน อาทิ

  • กำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
  • ต้นทุนธุรกิจร้านอาหาร จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และราคาวัตถุดิบที่คิดเป็น 1 ใน 3 ของต้นทุนร้านอาหาร ปรับตัวสูงขึ้น
  • พฤติกรรมผู้บริโภคซับซ้อนและหลากหลายขึ้น ต้องการทั้งความแปลกใหม่ ประสบการณ์ สุขภาพ และราคาสมเหตุสมผล รวมถึงมี Brand Loyalty ต่ำ ทำให้ร้านอาหารต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว