ฮาคูโฮโด เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภค เดือน ก.พ. 68 พบอินไซด์น่าสนใจ คือ กระแส Thai made หรือการสนับสนุนของไทยโดยคนไทยมาแรง ครอบคลุมตั้งแต่ แฟชั่นไทย เทศกาลและประเพณีไทย รวมถึงเพลงไทย โดยเฉพาะ T-Pop ได้รับแรงส่งจากคนรุ่นใหม่
ส่งผลให้ ความเป็นไทยไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กลายเป็นพลังที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ อีกด้วย สะท้อนจากการใช้จ่ายของคนไทยที่มีต่อสินค้าไทยต่อเนื่อง
โดย 3 อันดับหมวดหมู่สินค้าไทยที่มียอดใช้จ่ายต่อเดือนสูงสุด คือ
1.แฟชั่นไทย
- ค่าเฉลี่ยใช้จ่ายต่อเดือน 913 บาท
- การใช้จ่ายสูงสุด 30,000 บาท/เดือน
2.เทศกาลและประเพณีไทย
- ค่าเฉลี่ยใช้จ่ายต่อเดือน 886 บาท
- การใช้จ่ายสูงสุด 30,000 บาท/เดือน
3.เพลงไทย
- ค่าเฉลี่ยใช้จ่ายต่อเดือน 823 บาท
- การใช้จ่ายสูงสุด 10,000 บาท/เดือน
หากจำแนกความสนใจ Thai made ตาม Generation พบว่า
- Gen X กลุ่มที่ใช้จ่ายกับแฟชั่นไทยมากที่สุด ด้วยมองว่าแฟชั่นไทยมีคุณภาพใกล้เคียงกับแบรนด์ต่างประเทศ และพวกเขาต้องการแสดงออกถึงความรักสวยรักงาม และไม่ยอมจำนนต่ออายุ เพราะอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น
- Gen Y เปย์จัดเต็มในช่วงเทศกาลไทย มองว่าช่วงเวลานี้คือโอกาสทองในการรวมตัวกันของครอบครัว ชอบซื้อของขวัญให้ลูก พ่อแม่ หรือพาทุกคนในครอบครัวไปเที่ยว
- Gen Z กลุ่มคนที่มีดนตรีในหัวใจ และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้ T-Pop พุ่งแรงไม่มีตก อาทิ สนับสนุนศิลปินผ่านคอนเสิร์ต แฟนมีต หรือกิจกรรมต่าง ๆ

จากกระแส Thai made ฮาคูโฮโด ได้แนะนำแบรนด์ให้นำอินไซด์ไปปรับใช้ให้ตรงกับกระแสและความต้องการของผู้บริโภค 2 ข้อ ดังนี้
1. Do Good, Feel Close Campaign
การทำบุญถือเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทย แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงกับคนไทยได้อย่างมีความหมายผ่านแคมเปญ Do Good, Feel Close ด้วย Virtual Merit ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนสามารถเข้าร่วมไลฟ์ส่วนตัวกับศิลปินคนโปรด โดยศิลปินจะร้องเพลงและร่วมทำบุญไปพร้อมกัน
การเข้าร่วมแคมเปญนี้ทำได้โดยการซื้อชุดทำบุญสุดพิเศษ ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ หนังสือสวดมนต์ ที่ล้วนผลิตจากแบรนด์ และการ์ดขอบคุณจากศิลปิน ซึ่งแคมเปญนี้จะช่วยให้แฟน ๆ ของศิลปินมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ทำบุญร่วมกันอีกด้วย
2. Heart & Heal: เติมเต็มหัวใจ ใส่ใจตัวเอง
กระแสรักตัวเอง หรือ Self-Love ยังคงมาแรงในคนไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลเอาใจใส่ตนเอง แบรนด์สามารถสร้าง Engagement ผ่าน ‘Message To Me: เขียนถึงตัวเองในอนาคต’ ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้ทุกคนสามารถเขียนข้อความให้กำลังใจตัวเอง
ซึ่งข้อความเหล่านี้จะถูกส่งกลับไปให้ผู้เขียนในอีก 3 หรือ 6 เดือนข้างหน้า เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้รักและเห็นคุณค่าในตัวเองมากยิ่งขึ้น