หากจะเอ่ยถึงบริษัทนาฬิกาซึ่งเป็นที่รักของคนทั่วโลก และสั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นย่อมเป็นชื่อของ Citizen อยู่ด้วยอย่างแน่นอน นับตั้งแต่ปฐมบทของการรังสรรค์นาฬิกา จวบจนถึงปัจจุบัน Citizen ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครบ 100 ปีพอดิบพอดีในปี 2018 นี้ และมุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 ต่อไปอย่างแข็งแกร่ง โดยยินดีที่จะเผยเบื้องหลังความสำเร็จ อันเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ Citizen ภายใต้ปรัชญา “Better Starts Now” ที่พร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับแฟนๆ Citizen ทั่วโลก รวมถึงผู้บริโภคชาวไทยด้วย
Mr. Norio Takeuchi กรรมการผู้จัดการ บริษัท Citizen Watch จำกัด บอกถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จตลอด 1 ศตวรรษที่ผ่านมาของ Citizen ว่า “ผมเชื่อว่าชื่อของแบรนด์ Citizen ได้ให้คำตอบในตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะ Citizen เป็นนาฬิกาที่ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน แนวทางการทำงานของเราเริ่มต้นตั้งแต่วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งเปรียบกับพลเมืองในองค์กร เพื่อผลิตนาฬิกาที่มีคุณภาพและสวยงามให้กับผู้บริโภค เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าของ Citizen ทุกคนด้วยมาตรฐานแห่งความสมบูรณ์แบบที่เราบรรจงใส่ในนาฬิกาทุกเรือน ผ่าน Monosakuri อันเป็นปรัชญา ของบริษัทในการผสมผสานจุดแข็งของทั้งเทคโนโลยีและความงามได้อย่างลงตัว”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ความเรียบง่าย (Simplicity) คือสิ่งที่เราพยายามรักษาตลอดมา โดย Citizen มีจุดเด่นทั้งในเรื่องของความแม่นยำของเวลา (Accuracy) และ ดีไซน์ที่สวยงาม (Beauty) สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเราไม่เคยหยุดนิ่งในการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลกนาฬิกา และจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสุดยอดนวัตกรรม เพื่อจะนำออกมาแบ่งปันให้กับลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง”
Citizen จริงจังและให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นอย่างมาก ไม่รีรอที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดต่อผู้บริโภคและต่อโลกของเรา ตามหลักปรัชญา “Better Starts Now” ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคกล้าที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ยิ่งเริ่มก่อนก็ดีกว่า เพราะความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ล้วนเกิดจากความท้าทายและความเชื่ออย่างแรงกล้าที่ว่าทุกอย่างสามารถเป็นจริงได้
เส้นทางแห่งความสำเร็จในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีนาฬิกา
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Citizen ได้นำเสนอนาฬิการูปแบบใหม่ๆ ที่เป็น “เรือนแรกของโลก” และนวัตกรรมที่เป็น “ครั้งแรกของโลก” อย่างต่อเนื่อง โดยรังสรรค์ให้มีทั้งความโดดเด่นด้านรูปทรงและประโยชน์ใช้สอยสูงสุด โดยการผสมผสานความแม่นยำของเวลา (Accuracy) และ ดีไซน์ที่สวยงาม (Beauty) ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
Citizenได้เปิดตัวนาฬิกาที่เป็นรุ่นไฮไลท์ออกมามากมาย ตราบจนถึงปัจจุบันนาฬิกาแต่ละรุ่นก็ยังเป็นที่รักของแฟน Citizen อยู่เช่นเคย อาทิ
– ปี 1976 เปิดตัว Crystron Solar Cell นาฬิกาข้อมือควอทซ์อนาล็อกเรือนแรกของโลกที่ใช้พลังงานแสง ที่มีความแม่นยำคลาดเคลื่อนไม่เกิน ± 3 วินาทีต่อปี
– ปี 1993 เปิดตัว Radio-Controlled นาฬิกาข้อมือที่สามารถปรับเวลาได้เองผ่านคลื่นสัญญาวิทยุเรือนแรกของโลก
– ปี 2012 เปิดตัว Eco-Drive Satellite Wave นาฬิกาข้อมือพลังงานแสงเรือนแรกของโลกที่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้
– ล่าสุดในปี 2018 ในงาน Basel World Watch Fair ที่ผ่านมา Citizen ก็ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีนาฬิกาและได้เปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมอันน่าตื่นตะลึง นั่นก็คือนาฬิการะบบกลไก Cal.0100 Eco-Drive Movement ซึ่งเป็นระบบกลไก Cal.0100 นาฬิกาที่มีความแม่นยำคลาดเคลื่อนไม่เกิน ± 1 วินาทีต่อปี เรือนแรกของโลก และด้วยนวัตกรรมนี้เอง ทำให้ระบบกลไก Cal.0100 เป็นระบบกลไกนาฬิกา Eco-Drive ที่มีความแม่นยำที่สุดในโลก
Better Starts Now…เริ่มต้นเพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้น
หากจะยกตัวอย่างเทคโนโลยีนาฬิกาของ Citizen ที่สามารถสะท้อนถึงปรัชญา “Better Starts Now” ได้ดีที่สุด นั่นก็คือ Eco-Drive โดยย้อนไปในช่วงปี 1973 -1974 ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตน้ำมัน ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันที่ไม่สมดุลกับปริมาณน้ำมันที่มีจำกัด จนทำให้ทั้งโลกต้องมองหาพลังงานทางเลือกและบังคับมาตรการในใช้พลังงานอย่างประหยัด และในเวลานั้นเองที่ Citizen ได้เริ่มคิดค้นเทคโนโลยี Eco-Drive ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดพลังงาน จวบจนถึงปัจจุบันเรารู้จักและคุ้นหูกันดีกับเทคโนโลยี Eco-Drive อันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ในแง่ของการเป็นนาฬิการักษ์โลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสง ไม่ใช้ถ่าน นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้วยังช่วยลดปริมาณขยะลงได้ด้วย
“ถึงแม้นาฬิกาเรือนเล็กๆ ณ ขณะนั้น จะไม่สามารถช่วยเปลี่ยนให้ผู้คนใช้น้ำมันได้น้อยลง แต่เราก็ได้ลงมือทำ และแสดงให้โลกได้เห็นถึงความตระหนักและความพยายามในการที่จะคิดค้นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้โลกดีขึ้น ตามปรัชญาของเราที่ว่า “Better Starts Now” ซึ่งหล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง เป็นหลักคิดและวิธีการทำงานที่เราใช้มองโลก และถ่ายทอดไปยังลูกค้าของเราผ่านนวัตกรรมบนนาฬิกาทุกรุ่น ทุกเรือนของ Citizen เสมอมา”
นอกจากนี้อีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงความใส่ใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาเพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจ ประทับใจ และได้ประโยชน์สูงสุดก็คือนาฬิการุ่น Super Titanium ที่มีความโดดเด่นในแง่ของนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง
“ทุกๆครั้งที่เราผลิตนาฬิกาแต่ละรุ่น แต่ละเรือนออกมา เราจะนึกถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือผู้บริโภคเสมอ ว่านาฬิกาเรือนนั้นจะน่าสวมใส่หรือเปล่า ถ้าอยู่บนข้อมือแล้วจะใส่สบายไหม ดังนั้นเราจึงคิดค้นเทคโนโลยีการเคลือบพื้นผิววัสดุพิเศษ (surface coating) ที่เรียกว่า “Super Titanium” ซึ่งมีคุณสมบัติเหนือกว่าไทเทเนียม และมีความทนทานกว่าสเตนเลส ถึง 5 เท่า ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่า 40% รวมถึงทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพิเศษ ขณะที่ตัววัสดุไม่ทำให้ระคายเคืองผิว จึงสวมใส่สบาย”
ตอบโจทย์ทุกความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภค
จุดแข็งของ Citizen อย่างหนึ่งก็คือ ความหลากหลายของนาฬิกา ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี และดีไซน์ จึงมีแฟนๆ ทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ชื่นชอบ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันได้อย่างไม่ตกหล่น
“เรามีคอลเลคชั่น PROMASTER ที่มีทั้งรุ่น Sky / Land / Marine ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์สปอร์ต ชื่นชอบการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา รวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำหรือไลฟ์สไตล์ของตนเอง เช่น นาฬิกา PROMASTER รุ่น Marine ก็จะมีความทนทาน สามารถกันน้ำลึกได้ 100 – 200 เมตร เหมาะกับคนที่ชอบดำน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำ ในขณะเดียวกันเราก็ยังมี Citizen L รุ่นนาฬิกาสำหรับผู้หญิงด้วย
100 ปี Citizen หลักไมล์แห่งความภาคภูมิใจ พร้อมจัดแคมเปญฉลองอย่างยิ่งใหญ่
สำหรับปีนี้ เป็นปีที่ Citizen ครบรอบ 100 ปี แม้ความสำเร็จที่ผ่านมาจะเป็นที่ประจักษ์เพียงใด แต่แผนธุรกิจในอนาคตของ Citizen ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตามหลักปรัชญา “Better Starts Now” เช่นเคย
“ทุกวันนี้โลกหมุนเร็วมาก นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา สำหรับ Citizen แล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติที่มองไปข้างหน้าเพื่อให้เราก้าวนำคู่แข่งอยู่เสมอ รวมถึงการลงมือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ซึ่งเรามั่นใจว่าเรามีความสามารถที่จะทำได้ และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนาฬิกาที่คนทั้งโลกรักไม่ว่าในยุคสมัยใดก็ตาม ขณะเดียวกันจากการที่เราเป็นผู้นำด้านนาฬิกาทั้งในแง่ของการผลิตชิ้นส่วนกลไกต่างๆของนาฬิกาเอง หรือกระทั่งผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนเองด้วย ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าถึงแม้จะมีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราก็จะใช้ความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญ ตลอดจนประสบการณ์ที่มีในการแก้ปัญหานั้นๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
สำหรับโอกาสครบรอบ 100 ปีนี้ นาฬิกา Citizen จะมีการเปิดตัวนาฬิการุ่น 100 Year Anniversary จำนวนทั้งสิ้น 9 รุ่น โดยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย 3 รุ่น ได้แก่ CC7005-16G, EE4058-19E และ CA0716-19E ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการนำเอานาฬิกา Citizen รุ่นวินเทจที่เคยโด่งดังและได้รับความนิยมมากในกลุ่มลูกค้าคนไทย นั่นก็คือรุ่น “มดแดง” ซึ่งเลิกผลิตไปนานแล้ว กลับมาให้กับคนไทยได้ชื่นชมและครอบครองอีกครั้งในชื่อว่า PROMASTER “Dark Raider” นับว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าจับตามอง และควรค่าแก่การเก็บสะสมเป็นอย่างมาก โดยจะวางขายในช่วงประมาณเดือน พ.ย. – ธ.ค. ปีนี้
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการตลาดเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปี ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า Citizen ภายในงาน Watch Fair ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอนและเซ็นทรัลชิดลม ในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย.นี้ โดยลูกค้าที่ซื้อนาฬิกา Eco-Drive รุ่นใดก็ได้ในระยะเวลาดังกล่าว และลงทะเบียนในเว็บไซต์ของ Citizen จะได้รับการประกันเครื่องเพิ่มนานถึง 5 ปี
เริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า!
“Better Starts Now” เป็นความเชื่อที่เรียบง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน ความฝันหรือสิ่งที่เราตั้งใจสามารถเป็นจริงได้เสมอ เรามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงและทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นได้ ด้วยการลงมือทำทันที เรามักจะได้ยินว่าเวลาเป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่งและเวลาผ่านไปเรื่อยๆไม่เคยรอใคร Citizen จึงอยากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน ได้ตระหนักถึงคุณค่าของเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง และเริ่มที่จะลงมือทำในสิ่งที่ฝันและตั้งใจเสียที เพราะการเริ่มต้นตอนนี้ ย่อมดีกว่าเสมอ
สำหรับแคมเปญเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคชาวไทยนั้น Citizen ได้ทำงานร่วมกับบริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Citizen ในประเทศไทย อย่างใกล้ชิดเช่นเคย ด้วยการส่งแคมเปญการตลาดภายใต้ชื่อ “Better Starts Now” โดยมี ตั้ม-ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย ให้เกียรติมาเป็น Brand Presenter
“เราเล็งเห็นว่าธนบูรณ์เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันและลงมือทำมันให้เป็นจริง เพราะการที่จะมาเป็นตั้ม ธนบูรณ์ในวันนี้ได้ ล้วนเกิดจากการลงมือทำ และการพิสูจน์ความสามารถที่มีอยู่ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าบางครั้งจะมีอุปสรรค แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาล้มเลิกที่จะกลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง เราหวังว่าว่าธนบูรณ์จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นตัวอย่างให้กับหลาย ๆ คนในการที่จะ “เริ่มลงมือทำในสิ่งต่างๆ ณ ตอนนี้” และเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในสนามและนอกสนาม”
“ ไม่ว่าการกล้าที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งต่างๆ หรือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น เราเชื่อว่าจิตใจที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตัวทุกคนเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะลงมือทำมันหรือเปล่า?”