เคทีซีประกาศผลงานไตรมาส 1/2561 กำไรสุทธิ 1,209 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่งถึง 65% แม้จะได้รับผลกระทบจากกฎข้อบังคับของหน่วยงานที่กำกับดูแล และการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง เร่งปรับกลยุทธ์เดินหน้าแผนการตลาดที่แตกต่าง สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และพัฒนาคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตั้งเป้าพอร์ตลูกหนี้ขยายตัวประมาณ10% และรักษา NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยับตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จากปัจจัยสนับสนุนของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับในประเทศยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐที่เริ่มทยอยออกมา รวมถึงการผลักดันมาตรการขับเคลื่อนประเทศเพื่อสร้างงานและรายได้ในระดับท้องถิ่น และการเร่งรัดโครงสร้างระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ชัดเจนมากขึ้น ตลอดจนภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย จะเป็นผลให้การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น”
“สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนแรก ยังคงเติบโตต่อเนื่องในลักษณะที่ชะลอตัวลงจากปีก่อน ในส่วนของเคทีซีถือว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีเกินคาด โดยสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปีนี้ได้ 1,209 ล้านบาท หรือมีอัตราส่วนการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 65% แม้ว่าบริษัทฯ จะต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญจากมาตรการและกฎเกณฑ์การควบคุมวงเงินบัตรเครดิตและการเข้าถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบัตรเครดิตจาก 20% เป็น 18% ซึ่งทำให้พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตเติบโตช้าลง ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรชะลอตัว แต่ด้วยประสิทธิภาพในการติดตามหนี้และการบริหารลูกหนี้ให้มีคุณภาพตั้งแต่กระบวนการคัดกรองต้นทาง จึงทำให้ NPL รวมของบริษัทฯ ยังลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 1.3% จาก 1.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรม และส่งผลให้รายได้หนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง”
“ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 เคทีซีมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 69,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ อยู่ในรูปของลูกหนี้การค้าสุทธิ คิดเป็น 92% ของสินทรัพย์รวม โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเมื่อหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วเท่ากับ64,592 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3.0 ล้านบัญชี เติบโต 3.3% แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,207,773 บัตรขยายตัว 3.5% พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิมีสัดส่วน 65% ของพอร์ตลูกหนี้สุทธิรวม ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 42,137 ล้านบาท สัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมปัจจุบันอยู่ที่ 12.6%อัตราเติบโตการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีรวมเท่ากับ 8.4% (อุตสาหกรรมเติบโต 10.1%) ส่วนแบ่งตลาดของการใช้จ่ายผ่านบัตรเท่ากับ 11.0% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.14% ลดลงจาก 1.26% (อุตสาหกรรม 2.26%)สินเชื่อบุคคล 857,613 บัญชี ขยายตัว 2.8% ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 22,315 ล้านบาท สัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.9% และ NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 0.82% ลดลงจาก0.89% (อุตสาหกรรม 2.67%) โดยสัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อ NPL ยังคงมูลค่าสูงที่ 591% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 500%”
“ไตรมาสแรกของปี 2561 เคทีซีมีอัตราเติบโตของรายได้รวมสูงกว่าค่าใช้จ่าย โดยสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 10% เท่ากับ 5,108 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มจากลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่ยังเติบโตได้ดี (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วน 86%มาจากหนี้สูญได้รับคืน และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 3,603 ล้านบาท ลดลง 3% จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง เพราะอนุมัติสมาชิกใหม่ในจำนวนน้อยลงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ และมีการใช้งบประมาณด้านการตลาดที่มีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ใช้จ่ายเม็ดเงินน้อยลง ในขณะที่มูลค่าหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงเช่นกันเนื่องจากพอร์ตลูกหนี้ที่ขยายตัวได้ช้า ทำให้การตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายการเงินที่เป็นต้นทุนเงินก็ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ออกหุ้นกู้ใหม่ในระยะเวลาที่ยาวขึ้นด้วยต้นทุนเงินที่ต่ำลงกว่าหุ้นกู้เดิม โดยรักษาสัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) ที่ต่ำอยู่แล้วให้คงเดิมที่ 27.2% เท่ากับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแสดงว่าบริษัทยังคงรักษาประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานได้ดี”
“บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น 24,670 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6,640 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินไตรมาส1/2561 เท่ากับ 3.02% (สิ้นปี 2560 เท่ากับ 3.12%) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ที่มีอัตรา 3.21% เพราะบริษัทฯ จัดหาเงินจากการออกหุ้นกู้ใหม่ด้วยระยะเวลาที่ยาวขึ้น แต่มีต้นทุนเงินที่ ต่ำกว่าหุ้นกู้เดิม โดยมีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 4.08 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า”
“ในปี 2561 เคทีซีตั้งเป้าหมายทำกำไรสูงกว่าปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 3,304 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลรวมขยายตัวประมาณ 10% ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมไม่ต่ำกว่า 15% และจะควบคุมสัดส่วน NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ 1.3% โดยจะมุ่งเน้นไปที่ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเป็นหลัก (Customer Needs) ควบคู่ไปกับการขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ ขยายพันธมิตรร้านค้ารับบัตร พัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ในยุคดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อนำเสนอบริการที่มีคุณค่า และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม”