WalMart มาถูกทาง คนแห่ช้อป online เพิ่ม หนุนยอดขายอีคอมเมิร์ซทะยาน 33%

Walmart ยิ้มแก้มแตกเพราะยอดขายอีคอมเมิร์ซของบริษัทเพิ่มขึ้น 33% ในไตรมาสล่าสุด ดีดตัวขึ้นอีกจากที่เพิ่มขึ้น 23% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แซงตัวเลขที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ 30% 

ยอดขาย Walmart ในต่างประเทศยังเพิ่มขึ้น 12% เป็น 30,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกว่ายอดขายแข็งแกร่งทุกตลาดหลัก ทั้งหมดนี้ Walmart กล่าวว่าสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (operating cash flow) มากกว่า 5,200 พันล้านเหรียญในช่วงไตรมาส 1 ปี 2018 และ 3,300 ล้านเหรียญในส่วนกระแสเงินสดอิสระ (free cash flow)

ผลประกอบการนี้ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Doug McMillon ซีอีโอ Walmart จะย้ำว่าบริษัทกำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้นและเร็วขึ้น ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจของ Walmart ในอนาคต

*** Walmart online ฮอตกว่าเดิม

เจ้าพ่อค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Walmart กำลังจะเติบขึ้นอีกโดยเฉพาะบนสมรภูมิออนไลน์ ผลจากการที่ Walmart เทเงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อแข่งขันกับ Amazon.com

ในยอดขายออนไลน์ที่ทะยานขึ้น 33% Walmart เผยว่าปัจจัยหลักเป็นเพราะการขยายเว็บไซต์ Walmart มาจำหน่ายสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เช่น ลำโพงระบบเสียงแบรนด์ Bose (บางชิ้นราคาสูง 699 เหรียญสหรัฐ) หรือพรม Tommy Bahama (รุ่นฮิตราคา 2,599 เหรียญ) และยังมีอีกนานาแบรนด์หรูที่ Walmart ร่วมมือเพื่อจำหน่ายออนไลน์เช่น Lord & Taylor, H Halston, Lucky Brand และ Effy

ล่าสุด Walmart ปรับโฉมหน้าเพจทั้งสี แบบอักษร และการจัดวาง เพื่อจำหน่ายสินค้ามากกว่า 75 ล้านรายการ สถิติล่าสุดชี้ว่าจำนวนผู้เข้าสู่เว็บไซต์ Walmart เพิ่มขึ้น 34% เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากอัตราเติบโต 17% ที่ Amazon ทำได้ (ข้อมูลจากบริษัทวิจัย ComScore) 

อย่างไรก็ตาม Walmart ถือว่ายังตามหลังคู่แข่งอย่าง Amazon อีกไกล เพราะ Amazon มีฐานผู้ใช้มากกว่า 183 ล้านคน (สถิติเมษายนที่ผ่านมา) ขณะที่ Walmart มีฐานลูกค้าออนไลน์ราว 101 ล้านคน

ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่าธุรกิจของ Walmart ยังมีฐานลูกค้าที่กลุ่มนักช้อปชั้นกลางลงไป ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่เข้าซื้อสินค้าที่ร้าน Walmart มากกว่า 4,700 สาขาทั่วสหรัฐฯ โดยขณะนี้ ราว 96% ของยอดขาย Walmart ยังคงมาจากร้านสาขาเหล่านี้

ผลจากการเติบโตนี้เชื่อว่าเป็นเพราะ Walmart ตัดสินใจเทเงิน 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อกิจการ Jet.com ในปี 2016 เมื่อการซื้อกิจการส่งผลบวกกับรายได้ Walmart จึงไม่ลังเลที่จะประกาศเทเงิน 16,000 ล้านเหรียญซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อินเดียอย่าง Flipkart เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สิ่งหนึ่งที่จะสามารถฟันธงได้คือศึกระหว่าง Walmart และ Amazon จะยังยืดเยื้อต่อไปอีกนาน โดยฝ่ายหลังได้ควักกระเป๋า 13,700 ล้านเหรียญสหรัฐซื้อกิจการ Whole Foods Market เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ Amazon มีรากฐานมั่งคงในธุรกิจร้านของชำแดนลุงแซม

*** กำไรหล่นฮวบ

ในภาพรวม รายได้ของ Walmart เติบโตราว 4.4% คิดเป็นมูลค่า 122,700 ล้านเหรียญ แม้ตัวเลขยอดขายในร้านจะเพิ่มขึ้น 2.1% ในตลาดสหรัฐฯ แต่กำไรของบริษัทกลับลดลงราว 30% เหลือ 2,130 ล้านเหรียญ คิดเป็น 72 เซนต์ต่อหุ้น

ตัวเลขนี้สะท้อนว่าการลงทุนในร้านออนไลน์กำลังส่งผลต่อตัวเลขผลกำไร ทำให้โลกต้องลุ้นต่อไปว่ากำไรของ Walmart จะเริ่มดีดตัวขึ้นภายในเวลากี่ปี.

ที่มา :