“เมแกน มาร์เคิล” หญิงอเมริกันที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกของราชวงศ์ “วินด์เซอร์” แห่งเครือจักรภพอังกฤษ มีเส้นทางชีวิตที่เหมือนความฝัน เริ่มต้นไต่เต้าจากงานเล็กๆ ในวงการบันเทิง จนกลายเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโลกรู้จัก
เรเชล เมแกน มาร์เคิล เกิดมาในครอบครัวที่พ่อเป็นคนอเมริกันผิวขาว และส่วนแม่เป็นแอฟริกัน-อเมริกัน โดยผู้เป็นพ่อทำงานอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว และเคยคว้ารางวัลเอมมี เกียรติยศทางโทรทัศน์จากการกำกับแสงมาก่อน เขามีส่วนร่วมในซีรีส์ฮิตอย่าง Married . . . with Children และ General Hospital ส่วนแม่เป็นครูสอนโยคะ
โดยในนิตยสาร Elle เธออธิบายถึงตัวเองอย่างเชื่อมันว่าเป็นผู้หญิง “เลือดผสม” มาร์เคิล ยังบอกว่าตอนเด็กๆ เวลาเธอกับแม่ไปไหน คนที่เห็นหญิงผิวดำ กับเด็กผู้หญิงผิวขาวมาด้วยกัน ก็มักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ว่าแม่คือ “พี่เลี้ยง” ของเธอ
“แม่ทำงานสังคมสงเคราะห์เกี่ยวกับผู้สูงอายุ” เมเคิล พูดถึงแม่ของตัวเอง “แต่ในเวลาเดียวกันท่านก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ทำผมเดร็ดล็อก แล้วก็เจาะจมูก ร่วมวิ่งลอสแอนเจลิสมาราธอนอะไรทำนองนั้น ฉันกับแม่มีความสุขมาก ท่านคอยปลอบโยน และให้กำลังใจ เป็นทั้งแม่ และเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน”
พ่อกับแม่ของ มาร์เคิล แยกทางกันไปในปี 1988 ตอนที่เธออายุ 6 ขวบ แต่ทั้งคู่ก็ต่างเป็นผู้ที่สอนให้เธอรู้จักกับการเป็นผู้ให้ มากกว่าเป็นผู้รับ “พ่อกับแม่ของฉันมาจากครอบครัวที่ไม่มีอะไร ท่านก็เลยเลือกที่จะให้คนอื่นก่อนเสมอ ท่านจะซื้อไก่งวงให้กับคนไร้บ้านในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า หรือเลี้ยงอาหารผู้ป่วยระยะสุดท้าย”
หลายปีกว่าจะรุ่ง เคยยอมรับตรงๆ “ดำเกินกว่าจะเป็นคนขาว และขาวเกินไปสำหรับคนผิวดำ”
ในตอนแรกๆ ที่เข้าวงการบันเทิง มาร์เคิล ต้องเริ่มรับงานจากบทเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญ เคยเป็นนางพยาบาลในซีรีส์ General Hospital และเคยรับเชิญปรากฏตัวในซีรีส์ฮิตอย่าง Century City (2004), The War at Home (2006) และ CSI: NY (2006) เคยกระทั่งเป็นคนถือป้าย และกระเป๋าในรายการเกมโชว์ Deal or No Deal แต่ก็ไม่ได้รับการจดจำใดๆ
ซึ่งเธอก็ยอมรับตรงๆ ว่าการเป็นสาวเลือดผสม เป็นปัญหาในการหางานอยู่เหมือนกัน “ฉันไม่ดำพอ สำหรับบทของคนผิวดำ และไม่ขาวพอสำหรับบทของคนผิวขาว กลายเป็นคนที่อยู่ตรงกึ่งกลาง ที่หางานค่อนข้างยากจริงๆ”
จนในปี 2011 โอกาสของ มาร์เคิล ก็มาถึงเมื่อเธอได้รับเลือกให้ร่วมแสดงในซีรีส์แนวกฎหมายเรื่อง Suits กับการแสดงเป็น เรเชล เซน หญิงสาวที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยทนาย ก่อนที่จะพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นทนายความในซีรีส์ปีหลังๆ
มาร์เคิล ร่วมเป็นนักแสดงหลักใน Suits นานถึง 7 ปี ซึ่งทำให้เธอได้รับโอกาสอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงภาพยนตร์ฮิตเรื่อง Horrible Bosses ด้วย เธอยังมีงานอีกหลายๆ ด้าน เป็นทั้งบล็อกเกอร์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ และยังเขียนคอลัมน์ให้กับนิตยสารด้วย
ชีวิตรักกับเจ้าชายแฮร์รี
ในวงการ มาร์เคิล ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เธอได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโลกรู้จักขึ้นมาทันที เมื่อพบรักกับเจ้าของแฮร์รี
“พระองค์ชื่นชอบราเชล เซน มาตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้ว ก่อนที่จะได้พบกับเมแกน ส่วนคำถามที่ว่าฉันรู้ได้อย่างไรก็เพราะว่าฉันได้ดื่มและพูดคุยกับหนึ่งในพระสหายคนสนิทของพระองค์ เธอบอกว่าเธอได้ออกไปเที่ยวกับเจ้าชายแฮร์รี ตอนนั้นพระองค์ยังโสดอยู่ เธอเลยถามพระองค์ไปว่า ‘แฮร์รี ชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?’ แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า ‘เมแกน มาร์เคิล ในเรื่อง Suits’ ”
โดยผู้สื่อข่าวรายนี้ยังระบุด้วยว่า เจ้าชายแฮร์รี วัย 33 ปี ได้พบกับเมแกน มาร์เคิล วัย 36 ปีครั้งแรกในเดือน ก.ค. 2016 โดยใช้ มาร์คัส แอนเดอร์สัน พระสหายของพระองค์เป็นคนแนะนำให้รู้จัก โดยขณะนั้นเมแกนเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ เซเรนา วิลเลียมส์ และชมเกมส์การแข่งขันศึกวิมเบิลดัน
“พระองค์ขอให้มาร์คัสช่วยจัดแจงให้ มันไม่ใช่การออกเดต แต่เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เจอกัน และมันก็เกิดขึ้นที่ห้องรับรองส่วนตัวของ Soho House โดยมีเพื่อนๆ 7-8 คนอยู่ที่นั่น ถือเป็นโอกาสที่พอเหมาะพอดีสำหรับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนที่ได้พบกันในบรรยากาศที่สบายๆ ไม่เป็นทางการและได้พูดคุยทำความรู้จักกันจริงๆ”
“เธอเป็นคนตลก, กระฉับกระเฉง, มั่นใจ และเธอไม่เคยถูกครอบงำจากความจริงที่ว่าพระองค์คือเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษ เธอแค่คิดว่าพระองค์เป็นคนที่น่ารักดี ส่วนเจ้าชายแฮร์รีก็ได้แอบตรัสกับเพื่อนในภายหลังว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เจ๋งมากๆ”
ในส่วนของการประกาศข่าวหมั้นหมาย หลังมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมา เจ้าชายแฮร์รีได้ควงเมแกน ออกพบสื่อที่หน้าพระราชวังเคนซิงตัน โดยเมแกนเผยว่าเธอ “มีความสุขมาก” ในขณะที่เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า “รู้สึกปลื้มปีติ” และหวังว่า “ฝนจะไม่ตก” ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อด้วย โดยเมแกนยังได้แง้มถึงการขอแต่งงานของเจ้าชายแฮร์รีที่เธอกล่าวว่าเป็นอะไรที่ “โรแมนติกมากๆ” ก่อนที่เจ้าชายแฮร์รีจะตรัสว่า “รายละเอียดเพิ่มเติมไว้จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง” พร้อมกล่าวถึงว่าที่เจ้าสาวของพระองค์ว่าเป็นคนที่ใช่ตั้งแต่พบกันครั้งแรกเลยทีเดียว
หญิงสาวผิวสีคนที่ 2 ในราชวงศ์อังกฤษ
ไม่บ่อยครั้งนักที่สมาชิกในราชวงศ์อังกฤษ จะแต่งงานกับหญิงสาวอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่ผู้หญิงจากสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ได้แต่งงานกับสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษ เพราะก่อนหน้านี้ในปี 1937 สมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ได้ทรงสละราชสมบัติในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1936 เพื่อที่จะเสกสมรสกับหญิงม่ายชาวอเมริกัน วอลลิส ซิมส์สัน ซึ่งภายหลังจากการเสกสมรสได้มีฐานันดรเป็น “ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์” เพราะรัฐสภาอังกฤษไม่ยอมแต่งตั้งให้เธอขึ้นเป็นพระราชินีอย่างที่พระองค์ต้องการ พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ที่จึงตัดสินใจสละราชสมบัติ และเลือกผู้หญิงที่พระองค์บอกว่า “ข้าพเจ้ารัก” แทน
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาในปี ค.ศ. นี้สำหรับ เมแกน มาร์เคิล ที่เคยผ่านการหย่าร้างมาเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นความเป็นคนผิวสี ยังทำให้ชาวอังกฤษมีความเห็นไปในหลายๆ ทาง คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาใดๆ แต่ก็มีคนที่แสดงความเห็นในแง่ลบกับเธออยู่บ้าง
แต่เข้าเข้าจริงๆ แล้ว มาร์เคิล ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีสายเลือดของคนดำคนแรก ที่ได้แต่งงานกับสมาชิกราชวงศ์แห่งเครือจักรภพอังกฤษ เพราะเชื่อกันว่าก่อนหน้านี้ ชาร์ลอตต์แห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ คู่อภิเษกสมรสในพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ผู้ครองตำแหน่งราชินี ระหว่างปี 1761 – 1818 ก็มีสายเลือดของคนแอฟริกันอยู่เช่นเดียวกัน.