31T (บิท) เลือก – ลอง และบอกต่อ ให้กับอาหารที่ใช่ในงาน THAIFEX 2018

ในวันที่ไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคปัจจุบันมีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้เราเข้าใกล้นวัตกรรมต่างๆ ไปโดยไม่รู้ตัว การก้าวออกไปนอกบ้านในแต่ละวันอาจจะได้พบกับนวัตกรรมใหม่ที่มาทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น ที่สำคัญคือ ‘นวัตกรรม’ ที่ดีต้องตอบสนองความต้องการของผู้คนและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่เรื่อง “อาหาร” นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกวันนี้มีการใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิตหรือแปรรูปเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารรูปแบบใหม่ๆ ขณะเดียวกันไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ที่คุ้นเคยกับการแชร์หรือบอกต่อ ทำให้แพลทฟอร์ม 31T (บิท) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เลือก “3” องค์ประกอบจากโต๊ะอาหารเพื่อมารวมเป็น “1” คำสำหรับการทดลองรสชาติและ “Tell” บอกต่อถึงประสบการณ์ที่ได้ค้นพบ กลายเป็นตัวแปรใหม่ในการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ทุกอุตสาหกรรมต่างต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดทางการตลาด ซึ่งในอนาคตการส่งออกอาหารคือการตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดโดยที่ต้องคำนึงผลกระทบในวงกว้างในเรื่องความยั่งยืนทั้งของสังคมและนิเวศน์วิทยารวมถึงเรื่องจริยธรรม โดยภายในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – World of Food Asia 2018 เองก็เช่นกัน มีผู้ผลิตอาหารหลายรายที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งถูกคิดค้นด้วยวิธีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ทำให้การทานอาหารนั้นง่ายขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น และมีการแปรรูปวัตถุดิบเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้มากที่สุด สำหรับในปีนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างโอกาสในการจับคู่ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเวลา และตรงกับความต้องการของผู้เข้าร่วมงานและผู้ผลิตสินค้า โดยใช้แพลทฟอร์ม 31T (บิท) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นำเอา “โภชนาการ (Gastronomy)” มาเชื่อมโยงเข้ากับ “โลกแห่งอินเตอร์เน็ต (Internet of Things)” โดยผลิตภัณฑ์อาหารส่วนหนึ่งนั้นได้รับการสนับสนุนจากสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองรสชาติอาหารใหม่ๆ ที่ผสมผสานด้วยตัวเอง และนำไปสู่การค้นพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ และเกิดการต่อยอดทางธุรกิจได้ในที่สุด กิจกรรม 31T นี้นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเข้าชมงานและเป็นการยืนยันได้ว่านวัตกรรมนั้นสามารถสร้างประโยชน์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ

นางสาวจิตราภา เลิศทวีวิทย์ (ปราง)นักออกแบบประสบการณ์ และเจ้าของ Another New Design Studio เล่าว่า แพลตฟอร์ม 31T (บิท) นี้ ได้ร่วมกับ มร.เปาโล บาร์เซลอส(Mr. Paulo Barcelos) นักเทคโนโลยีชาวบราซิลก่อตั้งขึ้นมา ซึ่งภายในงาน THAIFEX 2018 จะนำเสนอในรูปแบบ Interactive Tasting ภายใต้คอนเซ็ปต์ Filter – Inspire – Directนั่นคือการที่ผู้ร่วมงานจะได้เลือกอาหาร 3 ชนิด จาก 60 ชนิดของอาหารซึ่งสะท้อนแง่มุมต่างๆ ของนวัตกรรมจากงาน THAIFEX และผู้ผลิตไทยมาผสมผสานกัน (Combination) ใน 1 คำ และทดลองรสชาติใหม่นั้นด้วยตัวเอง สามารถทำกี่ครั้งก็ได้ภายใน 20 นาที จากนั้นแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับผ่านเวบแอปพลิเคชันของ 31T ในสมาร์ทโฟน โดยการตั้งชื่อให้กับอาหารคำนั้นหรือการบอกเล่าความรู้สึกก็ได้ ซึ่งจะปรากฏข้อความเหล่านั้นบนจอที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ และนอกจากนี้ยังมีอีกจอที่นำเสนอรูปแบบอาหารที่ถูกผสมผสานซึ่งได้รับความนิยมในรสชาติมากที่สุด เพื่อส่งต่อประสบการณ์และกระตุ้นความอยากสัมผัสในรสชาตินั้นต่อผู้เข้าร่วมงานท่านอื่น หลังจากที่ทุกคนได้ค้นพบผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจในกิจกรรมนี้แล้วก็สามารถมุ่งตรงไปสู่คูหาของผลิตภัณฑ์นั้นได้ทันทีเพื่อต่อยอดทางธุรกิจได้ต่อไป รูปแบบนี้นอกจากสร้างโอกาสให้กับผู้ซื้อและผู้ขายแล้ว ความแตกต่างของท้องถิ่นและวัฒนธรรมของผู้ซื้อแต่ละคนนั้นยังจะทำให้ค้นพบในเชิงลึกลงไปได้อีกว่าผลิตภัณฑ์ใดที่จะเหมาะกับธุรกิจของตัวเองได้มากที่สุดด้วย”

การเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านรสชาติอาหารและเป็นผู้กำหนดคุณค่ากับอาหารต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้เกิดข้อมูล (Data) มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตสินค้าอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต และยังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการจับคู่ธุรกิจที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะรู้ได้ทันทีว่าผลิตภัณฑ์อะไรคือสิ่งที่ตนกำลังมองหา โดยภายใน I+D Style CAFE จะปรากฏโต๊ะอาหารขนาดยาวเกือบ 4 เมตร ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ 60 ชนิด ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการผสมผสานให้เกิดรสชาติใหม่ๆ ถึง 205,320 แบบ

นอกจากอาหารแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้อย่างแป้งทำขนมที่ไม่ใช้ข้าวสาลีจึงปราศจากกลูเตน, ชูว์พัฟ (Choux Puff) ที่ทำจากแป้งจิ้งหรีด หรือ Cricket Powder, เมี่ยงคำธัญพืชแท่งที่นำเสนอรสชาติไทยในรูปแบบสากล, แมงกะพรุนอบแห้ง (Dried Jelly Fish) ซึ่งให้คุณค่าอาหารทางโปรตีนเป็นทางเลือกที่ดีต่อระบบนิเวศน์, ต้นอ่อนจากชุดปลูกไมโครกรีน (Microgreen Kit), กระเทียมโทนสีดำซึ่งมีคุณค่าอาหารสูง และ Superfood Ball Mix แล้ว ยังมีการรังสรรค์ชนิดของอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมา อาทิ เม็ดไข่มุกที่ทำจากข้าวพื้นเมืองชนิดต่างๆ เพื่อต้องการส่งเสริมข้าวพื้นเมืองของประเทศไทย, มูสมะตูมเชื่อม และคัสตาร์ดลูกตาลซึ่งทำมาจากเนื้อตาล, มายองเนสสามเกลอหรือมายองเนสที่เกิดจากส่วนผสมของรากผักชี กระเทียม พริกไทย และเนยวีแกนจากเมล็ดฟักทอง เป็นต้น ซึ่งทำให้เห็นถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากอาหารที่เคยทานๆ กันมา

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนั้น คือ ไอเดียใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค หรือกระบวนการที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม หากเราจะคิดค้นสิ่งใหม่ให้กับแวดวงอาหาร วิธีหนึ่งที่ดีคือการมองภาพทั้งระบบและสำรวจว่าควรจะใช้ความชำนาญที่ตนมีเข้าไปเปลี่ยนแปลงปัจจัยใดเพื่อให้ได้ผลที่แตกต่าง ดังเช่น 5 คำถามเหล่านี้ที่อยากจะชวนให้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอาหารเสียใหม่ “อาหารคืออะไร” การมองแหล่งอาหารใหม่ๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารที่เราต้องการแต่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลงกว่าเดิม หรือลองมองสิ่งที่ปกติเลือกจะตัดทิ้งและหาคุณค่าของสิ่งนั้นในฐานะอาหาร “เราได้อาหารที่เรากินมาจากไหน?” การมองหาอาหารจากแหล่งผลิตที่ดี ยั่งยืนกว่า มีความโปร่งใสในการผลิต มีจริยธรรมต่อแรงงาน “อาหารนั้นๆ ผ่านกระบวนการอะไร?” เช่นการแปรรูปที่น้อย การกลับไปสู่ธรรมชาติ การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้อาหารนั้นๆ สร้างสารอาหารในตัวเองเพิ่มขึ้น “เราจะทานเข้าไปอย่างไร?” อาหารใหม่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง อาหารที่ช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย และสุดท้าย “ผลกระทบคืออะไร?” ซึ่งทุกคนควรคำนึงถึงว่าในแต่ละการผลิตและทุกๆ การบริโภคนั้นจะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นอย่างไร” นางสาวจิตราภา กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถแวะเยี่ยมชมคูหา Food Innovation Pavilion ในพื้นที่ Innovation and Design Zone ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – World of Food Asia 2018 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 โดยกิจกรรม 31T แบ่งเป็น 3 รอบ ตั้งแต่เวลา 12.00 น., 14.00 น. และ 16.00 น. ใช้เวลา 20 นาทีในแต่ละรอบ สามารถลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรม หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 091 783 5874 และนอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้วภายในโซนนี้ยังมี I+D Style Function Bar รวบรวมเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยชุดเครื่องดื่มนวัตกรรมที่จัดสรรตามฟังก์ชั่นต่างๆ ให้กับผู้เข้าร่วมงาน ดีไซน์พิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ