5 ประเทศแถบคาริบเบียนน่าลงทุน

ประเทศในแถบแคริบเบียน กำลังเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการลงทุนจากนักธุรกิจที่มองหาการลงทุนเพื่อการโยกย้ายถิ่นทั้งนักลงทุนจากตะวันตก รวมถึงประเทศในแถบอาเซียนที่เพิ่มขึ้นมาก

Harvey Law Group (HLG) ที่ปรึกษาการลงทุน ให้เหตุผลว่า แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจในแถบแคริบเบียน ไม่ว่าจะเป็น เครือรัฐโดมินิกา, แอนติกาและบาร์บูดา, เกรนาดา, เซนต์ลูเซีย และเซนต์คิตส์และเนวิสให้การตอบรับที่ดีต่อโปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติ โดยรูปแบบของการลงทุนมีให้เลือกหลากหลาย อาทิ การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล, การลงทุนในกองทุนหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล

บาสเตียน เทรลแคท กรรมการผู้จัดการ Harvey Law Group (HLG) เปิดเผยว่า นักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีความต้องการที่แตกต่างกันในแง่ของการลงทุน เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ การได้มาซึ่งสัญชาติทางเลือก ผลประโยชน์ทางด้านภาษี การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาเหนือซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อต่อยอดพัฒนาการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านการจัดจ้างและธุรกิจอื่นๆ

ทำให้ความต้องการในการลงทุนของประเทศในแถบแคริบเบียนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนชาวจีน เวียดนาม และไทย

“นักลงทุนระดับกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในการลงทุน ผู้คนเริ่มสำรวจเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อตนเองและครอบครัว และเพื่อการลงทุนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอีกด้วย

มาดูกันว่า 5 ประเทศในแถบแคริบเบียน มีผลประโยชน์และผลตอบแทนที่แตกต่างอย่างชัดเจน

แอนติกาและบาร์บูดา (ลงทุนขั้นต่ำ USD100,000)

ประเทศนี้นำเสนอข้อได้เปรียบทางด้านภาษีสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติที่ลงทุนในโปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติ และหนังสือเดินทางไปได้ 125 ประเทศทั่วโลก โดยไม่ต้องง้อวีซ่า รวมถึงประเทศในกลุ่มเชงเก้นและประเทศอังกฤษ

ตัวเลือกในการลงทุนของนักลงทุนชาวต่างชาติ อาทิ การบริจาคให้กับรัฐบาล, การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล (USD400,000) หรือการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับอนุมัติจากทางรัฐบาล โดยในแต่ละการลงทุนอยู่ภายใต้การดำเนินการและการตรวจสอบของรัฐบาล โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ เพื่อประกอบการสมัคร

เครือรัฐโดมินิกา (ลงทุนขั้นต่ำ USD100,000)

การลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติของประเทศเครือรัฐโดมินิกา มี 2 ทางเลือก คือให้กับนักลงทุน คือ การบริจาคเงินให้กับโครงการของรัฐบาล หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล (USD200,000)

โดยการถือหนังสือเดินทางเครือรัฐโดมินิกานั้นนอกจากนักลงทุนและครอบครัวจะได้รับข้อได้เปรียบทางด้านภาษี ยังสามารถเดินทางได้รวมทั้งสิ้น 120 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องง้อวีซ่า รวมถึงประเทศอังกฤษและประเทศในกลุ่มเชงเก้นอีกด้วย

เกรนาดา (ลงทุนขั้นต่ำ USD150,000)

โปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติเกรนาดานั้นเป็นโปรแกรมที่มีการดำเนินการในระยะเวลาอันสั้นและไม่มีการสัมภาษณ์ ไม่จำเป็นต้องมีถิ่นที่อยู่หรือพำนักในประเทศเกรนาดา และเป็นประเทศที่ปลอดภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในแคริบเบียนที่สามารถเดินทางได้รวมทั้งสิ้น 125 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องง้อวีซ่า รวมถึงประเทศอังกฤษและประเทศในกลุ่มเชงเก้นอีกด้วย

การลงทุนสามารถทำได้โดย การบริจาคเงินให้กับโครงการของรัฐบาล หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล (USD350,000) และต้องถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นอย่างต่ำ 5 ปี

เซนต์คิตส์และเนวิส (ลงทุนขั้นต่ำ USD150,000)

โปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติของประเทศเซนต์คิตส์และเนวิสนั้น เป็นโปรแกรมที่มีความเก่าแก่ที่สุด การลงทุนไม่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปยังแคริบเบียนเพื่อการสมัครในการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติ

การถือหนังสือเดินทางประเทศเซนต์คิตส์และเนวิสนั้นสามารถเดินทางได้รวมทั้งสิ้น 130 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศในกลุ่มเชงเก้น อังกฤษ ฮ่องกง และสิงคโปร์

การลงทุนสามารถทำได้โดย การบริจาคเงินให้กับโครงการของรัฐบาล หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล (USD200,000) และต้องถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นอย่างต่ำ 7 ปี

เซนต์ลูเซีย (ลงทุนขั้นต่ำ USD100,000)

โปรแกรมการลงทุนล่าสุดในแถบแคริบเบียน คือการลงทุนของประเทศเซนต์ลูเซีย โดยนักลงทุนสามารถสมัครพร้อมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา บุตรและผู้ปกครอง โดยการถือหนังสือเดินทางประเทศเซนต์ลูเซียนั้นท่านสามารถเดินทางได้รวมทั้งสิ้น 120 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีถิ่นพำนักในประเทศและยังได้รับการลดหย่อนทางด้านภาษีอีกด้วย

ตัวเลือกในการลงทุนค่อนข้างหลากหลาย อาทิ การลงทุนในโครงการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (USD300,000) และต้องถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นอย่างต่ำ 3 ปี หรือการลงทุนในธุรกิจที่ได้รับอนุมัติจากทางรัฐบาล.