เจาะลึกใครเจ็บใครโต ใน 10 ท็อปแบรนด์มูลค่าแพงสุดในโลกปีนี้

นอกจากปี 2018 จะเป็นปีแรกที่ 2 แบรนด์จีน คือ Alibaba ควงคู่กับบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Tencent เข้าทำเนียบ 10 แบรนด์มูลค่าสูงสุดของโลก ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่แบรนด์ non-U.S. brands เติบโตขึ้นเร็วกว่าแบรนด์ U.S. brands โดย Tencent เอาชนะ Facebook ไปนั่งเก้าอี้ Top 5 สำเร็จ แถมด้วยการเป็นปีแรกที่ Amazon โผล่มาแทนที่ Microsoft อย่างเป็นทางการ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนออกมาได้หลายแง่มุม แต่แง่มุมที่ชัดที่สุดคืออิทธิพลของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี เพราะแบรนด์กลุ่มไฮเทคกวาดที่นั่ง 8 อันดับแรกในตาราง 2018 Brandz Top 100 Most Valuable Global Brands ซึ่งจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าที่สุดโดยบริษัทใหญ่ด้านการตลาดและการวิจัยอย่าง WPP และ Kantar Millward Brown 

โดยรวมแล้ว การสำรวจพบว่าปีนี้ แบรนด์ทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราเติบโตต่อปีคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21% รวม 750,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24 ล้านบาท

*** Amazon ชนะ Microsoft, Tencent แซง Facebook

หากมองที่ 5 อันดับแรก Google, Apple, Amazon, Microsoft และ Tencent จองเก้าอี้แบรนด์ที่มีค่ามากที่สุดเรียงตามลำดับ 1-5 โดย Amazon ย้ายเข้าไปเสียบที่อันดับ 3 ซึ่ง Microsoft เคยกอดไว้เมื่อปีที่แล้ว โดยรายงานชี้ว่า Amazon เพิ่มมูลค่าแบรนด์ได้ถึง 49% ในช่วงปีที่ผ่านมา สูงกว่านักเมื่อเทียบกับ Microsoft ที่เพิ่มมูลค่าแบรนด์ได้ 40%

ขณะที่ Tencent ก็เอาชนะ Facebook ไปได้ ทำให้ Facebook ถูกเบียดตก Top 5 และ Tencent นั่งเก้าอี้เบอร์ 5 แทน โดย Tencent มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 65% ในปีนี้ โตกระฉูดเมื่อเทียบกับ 25% ในปีก่อนหน้า

ปีนี้จึงถูกมองเป็นปีแรกที่แบรนด์ non-U.S. ที่ไม่ใช่สัญชาติอเมริกัน เติบโตขึ้นเร็วกว่าแบรนด์อเมริกัน โดยมีแบรนด์จีน 14 แบรนด์ปรากฏในรายการปี 2018 ทั้งที่ปี 2016 เพิ่งมีแบรนด์จีนเพียง 1 เดียวเท่านั้น ในภาพรวมพบว่ามูลค่าของ 10 บริษัทจีนชั้นนำในตารางนั้นเติบโตขึ้น 47% ต่อปี ขณะที่แบรนด์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 23% เท่านั้น

ในขณะที่ Tencent และ Alibaba ถูกมองเป็นดาวเด่น คู่แข่งร่วมชาติบริษัทอีคอมเมิร์ซจีนอย่าง JD.com ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยแม้ JD.com จะติดอันดับแบรนด์ทรงพลังเบอร์ 59 แต่กลับถูกยกเป็นแบรนด์ที่มีอัตราเติบโตเร็วที่สุดที่ 94% เหนือกว่า Alibaba ยักษ์พาณิชย์อีคอมเมิร์ซที่นั่งเก้าอี้เบอร์ 9 บนอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 92%

*** ไอทีไม่ได้โตทุกแบรนด์

จากรายงานพบว่า แบรนด์ที่มีมูลค่ามากขึ้นบนความนิยมที่เพิ่มขึ้น คือกลุ่มแบรนด์ที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และการแสดงภาพเสมือนจริง หรือ AR เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้า และนำเสนอเนื้อหาเฉพาะตัว รวมถึงประสบการณ์ไม่เหมือนใคร และการตลาดที่สร้างสรรค์ หรือ creative marketing

หากมองที่ Amazon แม้จะอยู่ภายใต้หมวดค้าปลีก แต่บริษัทได้รับความสนใจต่อเนื่อง เพราะการประกาศลงทุนในการพัฒนาฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ Echo ซึ่งแม้แต่ Google ก็ไม่อาจอยู่เฉย ต้องพยายามไล่ตามในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บตัวในธุรกิจโฆษณาที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ

เหนืออื่นใด บทสรุปจากการสำรวจแบรนด์ทรงพลังของปีนี้ ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรกับบริษัทอื่นเพื่อมอบประสบการณ์ไฮเทคแก่ผู้บริโภค ซึ่งได้แก่การทดลองใช้ การรับสินค้า และการจัดส่ง ข้อนี้เองที่ทำให้แบรนด์จีนกลายเป็นแบรนด์ทรงพลังระดับโลกในเวลาไม่กี่ปี

สำหรับปีนี้ มีบริษัทอเมริกันที่ปรากฏตัวครั้งแรกในรายการ 100 ท็อปแบรนด์ปี 2018 ทั้งหมด 3 ราย คือแบรนด์โทรคมนาคมอย่าง Spectrum ที่ถูกจัดเป็นแบรนด์อันดับที่ 27 ยังมีแบรนด์ดัง Uber ที่อันดับ 81 และ Instagram อันดับ 91 ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าแบรนด์ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้ผู้บริโภค จะสามารถผลักดันมูลค่าแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งหมดนี้ Doreen Wang ประธานหน่วย BrandZ ของ Kantar Millward Brown ระบุในแถลงการณ์ว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในยุคการตลาดไฮเทคอย่างเช่น Amazon และ Tencent นั้นสามารถดึงผู้บริโภคเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญของทุกอย่างที่บริษัททำ โดยแบรนด์กลุ่มนี้ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า และใช้การเรียนรู้เหล่านี้เพื่อสร้างระบบนิเวศของบริการที่ตอบสนองความต้องการหลายอย่าง ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อได้แบบเพอร์เฟกต์.

ที่มา