ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายธุรกิจรีเทลทุกวันนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งจากช้อปออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ร้านค้าปลีกจึงต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่หมุนไว
จึงเป็นที่มาของการจอยน์สโตร์ระหว่าง ร้าน B2S และร้าน Office Mate ซึ่งอยู่ในกลุ่ม COL ด้วยกัน และทั้งคู่มีสินค้าและลูกค้าต่างกัน มาปั้นให้เป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกรูปแบบใหม่ รวมเอาจุดขายของทั้งคู่ คือ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ และไอที เพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้กันและกัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น ทั้งที่เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าองค์กร
ประเดิมสาขาแรกด้วยงบ 20 ล้านบาท เลือกเอาห้างโรบินสันสันไลฟ์สไตล์ ชลบุรี มาเปิดตัวสาขาแรก เพราะอยู่ในทำเลที่มีทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ครอบครัว รวมถึงกลุ่มธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือ SME ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ หรือองค์กรขนาดใหญ่ อนาคตจะมีโครงการ EEC ทำให้ชลบุรี ระยอง จันทบุรี จะมีกำลังซื้อขยายได้มากขึ้นอีกหลายเท่า
“เราหวังว่าการร่วมมือนี้จะทำให้ร้านค้าของเราดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น เพราะเมื่อก่อน Office Mate จะดึงกลุ่มลูกค้าองค์กร ส่วน B2S จะดึงกลุ่มนักเรียน ผู้ใช้ทั่วไป เมื่อนำมารวมกันก็ทำให้ลูกค้าทั้งสองกลุ่มมาที่จุดเดียว” วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ซีโอแอล กรุ๊ป กล่าว
สัดส่วนสินค้าวางขายในร้าน 60% เป็นของ B2S หนังสือและสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กทุกช่วงวัย, เครื่องเขียนดีไซน์, อุปกรณ์ศิลปะ, สินค้าไลฟ์สไตล์ ส่วน 40% เป็นสินค้าของ Office Mate เช่น กลุ่มสินค้าไอที, ออฟฟิศ เฟอร์นิเจอร์ โดยผสมผสานการจัดวางกลุ่มสินค้าตามความสนใจของลูกค้าเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้เปิดกว้างมองเห็นโซนต่าง ๆ ในร้านจากทุกมุมมอง เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการเดินช้อปปิ้ง
วรวุฒิบอกด้วยว่า ข้อดีของการรวมกัน ลดความซ้ำซ้อนของสินค้า ยังช่วยลดต้นทุน ทั้งเรื่องพื้นที่เช่า การบริหารจัดการ จำนวนพนักงาน พื้นที่สต๊อกสินค้า รวมทั้งทำให้ลูกค้ามีความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น เพราะมาที่เดียวแล้วจบ ไม่ต้องไปเดินหาสินค้าที่ร้านอื่นต่อ คาดว่า โมเดลใหม่นี้จะช่วยเพิ่มยอดขาย 10-15%
หากสาขาแรกนี้ประสบความสำเร็จ มีการตอบรับดี จะนำโมเดลนี้ขยายไปยังสาขาอื่น ๆ ด้วย
ปัจจุบัน B2S มีสาขาทั้งหมด 108 สาขา ส่วน Office Mate มี 69 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่ง 50% เป็นรายได้ของขายผ่านออนไลน์.