กลุ่มเซ็นทรัลฯ เร่งระบายสับปะรดล้นตลาด เปิดพื้นที่จัดจำหน่าย 4 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ให้เกษตรกรซื้อขายโดยตรงกับลูกค้า

กลุ่มเซ็นทรัลฯ ร่วมมือกับ ประชารัฐรักสามัคคีราชบุรี
จัดงาน “สับปะรดกลางกรุง”  เพื่อเร่งระบายสับปะรดบ้านคา จังหวัดราชบุรี เปิดพื้นที่จัดจำหน่ายสับปะรดในเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลรวม 4 สาขา จำนวนรวมกว่า 100 ตัน  คาดว่าตลอดการจัดงานสามารถสร้างยอดขายรวมกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรนำผลผลิตที่ดีมีคุณภาพจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค และสร้างรายได้คืนเกษตรกรโดยตรง

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าว่า “เราทราบข่าวว่าเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา ชาวสวนสับปะรดเผชิญวิกฤติหนัก เนื่องจากสับปะรดออกผลผลิตประมาณ40% เป็นจำนวนมาก ในขณะที่ผู้ปลูกก็มากขึ้นเช่นกัน ทำให้ราคาสับปะรดอ่อนตัวลงจาก14-15บาท เหลือเพียง  7-8 ซึ่งปัญหาหลักมาจากเกษตรกรไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพียงพอต่อการระบายผลผลิตกลุ่มเซ็นทรัลฯ จึงร่วมมือกับประชารัฐรักสามัคคีราชบุรี เพื่อเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ด้วยการจัดงาน “สับปะรดกลางกรุง” เพื่อช่วยเร่งระบายสับปะรดกลุ่มบ้านคา จ.ราชบุรี ที่มีจำนวนผู้ปลูกสับปะรดกว่า 3,076 ราย มีผลผลิตจำนวน 273,000 ตันต่อปี พร้อมจัดพื้นที่ให้เกษตรกรนำสับปะรดมาวางจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ15 บาท พร้อมกัน 4 สาขา ได้แก่ วันที่ 3-9 ก.ค.61 ณ ลานสแควร์ Aศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, วันที่ 3– 10 ก.ค. 61 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา และ วันที่ 3-15 ก.ค. 61 ณ โซนหน้าร้านเพาเวอร์บาย ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และ โซนริมระเบียง ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต

สับปะรดบ้านคา เป็นสับปะรด “พันธุ์ปัตตาเวีย” เป็นพันธุ์ขึ้นชื่อของจังหวัดราชบุรี โดยมีการวางระบบการผลิตและการบริหารจัดการในแนวทางเดียวกัน ซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ มีตาผลค่อนข้างตื้น มีกลิ่นหอม รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อละเอียดหนานุ่ม ที่สำคัญไม่กัดลิ้น นอกจากนี้ยังปลูกในจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศใกล้เคียงกัน คือเป็นพื้นที่ภูเขาสูงและพื้นที่ราบสูง มีฝนตกชุกในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 13 – 38 องศาเซลเซียส ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ความเป็นกรด – ด่างของดิน ซึ่งจากสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศดังกล่าว ส่งผลให้การปลูกสับปะรดได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ เป็นเอกลักษณ์มีความแตกต่างจากสับปะรดแหล่งอื่นและยังเป็นพันธุ์สับปะรดที่ได้มาตรฐาน GI  (ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) อีกด้วย

“เราหวังว่าโครงการนี้สามารถช่วยระบายสับปะรดบ้านคา จังหวัดราชบุรีได้กว่า 100 ตัน และรวมมูลค่าการขายสับปะรดครั้งนี้กว่า 1 ล้านบาท  พร้อมทั้งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรไทย ตามนโยบายหลักของโครงการเซ็นทรัลทำ ที่มุ่งสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทยอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เรายังคงช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่องผ่านกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือ อาทิ ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และไทวัสดุ ที่เปิดพื้นที่ลานจอดรถให้เป็นจุดจำหน่ายสับปะรดแก่ชาวบ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพ ให้กับลูกค้าคนพิเศษ เกิดเป็นความเชื่อมโยงและคุณค่าทางใจที่ส่งจากใจชุมชนผู้ผลิตถึงใจของผู้บริโภค”  พิชัย จิราธิวัฒน์ กล่าว