Big Data มากกว่าแค่ CRM แต่คือเครื่องมือลดต้นทุนการตลาด

เพราะ “ข้อมูล” คือสิ่งสำคัญสำหรับยุคนี้ การขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big Data จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกองค์กรต้องใส่ใจ ไม่ใช่เพียงแค่รู้เท่าทันผู้บริโภค แต่ต้องปรับตัวให้ตรงกับที่ผู้บริโภคต้องการด้วย

ไม่เว้นแม้แต่ เครือสหพัฒน์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจคอนซูเมอร์ของไทยยังต้องจับมือกับบีทีเอสเพื่อเป็นพันธมิตรด้าน Big Data ร่วมกันเพื่อเข้าถึงใจลูกค้าได้อย่างแม่นยำขึ้น

ด้าน “แอดยิ้ม” ผู้ให้บริการด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ครบวงจร ได้เปิดตัวแผนก Digital Data Analysis เพื่อตอบรับด้าน Big Data ของลูกค้าที่ให้ความสนใจ สามารถนำมาปรับใช้งานได้จริงในการทำการตลาดปัจจุบัน

คุณธนพล ทรัพย์สมบูรณ์_ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งแอดยิ้ม

“ปีนี้เรามีกลยุทธ์เรื่อง Big Data เนื่องจากลูกค้าเริ่มให้ความสนใจเยอะขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร โทรคมนาคม และห้างค้าปลีก ที่มาจริงจังในเรื่องนี้และเห็นรูปธรรมมากขึ้น จึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักของปีนี้” ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง แอดยิ้ม กล่าว

แนวทางการทำงานด้านดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาของแอดยิ้ม คือ การนำความรู้ 3 ด้านมาผสมผสานกัน นั่นคือ  การตลาด การทำโฆษณา และเทคโนโลยี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าในทุกประเภทของธุรกิจ โดยโฟกัสที่ผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การสร้างกระแสให้ “ว้าว” อยู่บนโลกโซเชียล แต่ไม่ตอบโจทย์หรือสุดท้ายก็จับต้องผลลัพธ์หรือวัดผลอะไรไม่ได้เลย

โดยเฉพาะปีนี้จะเน้นเรื่อง Data in Marketing เพราะการทำตลาดทั้งหมดเป็นตัวสร้างข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้หยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และจากการที่ทำงานร่วมกับลูกค้า ทำให้จำแนกปัญหาออกมาได้ 5 ข้อ

  1. แคมเปญจบ ข้อมูลจบ ไม่มีการเก็บข้อมูลเพื่อมาวิเคราะห์ลูกค้าต่อ
  2. ข้อมูลกระจัดกระจาย และหาไม่เจอ ต้องรวบรวมเอามาเริ่มต้นใหม่
  3. ข้อมูลเยอะแต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้มากเกินไปจนไม่รู้จะเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจอย่างไร ลงทุนไปมากแต่เอามาทำการตลาดต่อยอดไม่ได้
  4. เงินหายไปกับการซื้อมีเดียโฆษณา เพราะซื้อสื่อตามกระแสนิยม แต่ไม่วิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายอยู่ตรงไหน
  5. ต้องรอข้อมูลจากเอเจนซี่ ทำให้ใช้เวลานาน เพราะต้องรวมข้อมูล และกว่าจะได้ครบก็สายเกินไป

ทั้งหมดนี้คือหน้าที่ของ Digital Data Analysists ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาด้วยการเชื่อมโยงทุกอย่างด้วยกันแล้วจัดระเบียบข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ในรูปแบบเดียวกันเพื่อให้สามารถนำไปใช้งานต่อยอดได้

ซึ่งที่ผ่านมา องค์กรส่วนใหญ่มักคิดว่าประโยชน์ของ Big Data คือการนำข้อมูลลูกค้ามาทำ CRM แต่ในความจริงแล้ว หากมีการจัดเก็บ Data อย่างเป็นระบบ และนำไปใช้ร่วมกับการทำกิจกรรมทางการตลาดจะช่วยประหยัดงบส่วนนี้ได้มากแถมได้ผลมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เช่น

  • สามารถยิง media ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น ที่ไม่ใช่การยิง media แบบเดิมที่เน้นไปแค่ที่ Demographic, Geographic แต่ยิงไปที่คนที่สนใจในสินค้าหรือบริการจริงๆ เท่านั้น
  • สามารถส่งอีเมล์แบบ one – to – one marketing เช่น ส่งอีเมล์ออกไป 10,000 ฉบับ โดยที่คนที่รับอีเมล์แต่ละคนนั้นจะได้รับอีเมล์ที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลย โดยเนื้อหาจะตรงกับความสนใจของคนที่รับเมล์นั้นๆ โดยเฉพาะ
  • การทำเว็บไซต์โชว์ข้อมูลแบบ One – to – One คือ คนที่เข้าเว็บไซต์แต่ละคนจะเห็นข้อมูลที่แสดงบนเว็บไม่เหมือนกัน โดยจัดแสดงข้อมูลที่คนๆ นั้นสนใจไว้ให้โดยเฉพาะ
  • การทำ Research หา Customer Insight โดยไม่ต้องเสียเวลาทำSurveyหรือ Focus Group   แต่เราหาความเชื่อมโยงจากชุด Big Data ที่เราจัดเก็บเอง เป็นต้น

ธนพลได้ยกตัวอย่างเคสลูกค้าที่เป็นบริษัทเกมรายหนึ่ง ที่ใช้ Data Analytics มาวิเคราะห์ให้สามารถช่วยลดต้นทุนการใช้มีเดียให้ลูกค้าได้บางส่วน เนื่องจากต้องเก็บข้อมูลผู้เล่นเกมทุกอย่างเพื่อดูว่ามีเดียไหนลงสื่อแล้วมีความคุ้มค่าที่สุด

รวมทั้งยังสามารถคาดการณ์พฤติกรรมได้ว่าต่อไปผู้เล่นเกมคนนี้จะ Uninstall เกมไหม มีโอกาสที่จะจ่ายเงินซื้อของในเกมหรือเปล่า แล้วนำมาวิเคราะห์ หากมีแนวโน้มว่าจะเลิกเล่น บริษัทจะส่งไอเท็มในเกมไปให้เล่นฟรีเพื่อต่ออายุการเล่นเกมของผู้ใช้ให้ยาวขึ้น

สำหรับงบลงทุน Big Data ในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่จะเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท เนื่องจากมีเรื่องโครงสร้างที่แอดยิ้มต้องช่วยซัพพอร์ต อย่างไรก็ตาม ในวันแรกที่เริ่มต้นทำจะไม่ได้ใช้งบมากขนาดนี้ แต่จะค่อยๆ เติบโตไปตาม Value ที่เกิดขึ้น

“ส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีที่ใช้แค่ Data เราให้บริการฟรี เพราะเป็นองค์ความรู้ที่เค้าสามารถนำไปใช้งานเองได้”

ทั้งนี้ผลประกอบการของแอดยิ้มนับว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยในปีพ.ศ.2560 แอดยิ้มมีผลประกอบการอยู่ที่ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% และในปี พ.ศ.2561 นี้ได้ตั้งเป้าไว้ที่ตัวเลข 500 ล้านบาท และยังคงตั้งเป้าที่จะทำตัวเลขให้แตะยอด 1,000 ล้านบาท เพื่อจะนำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในปี 2020

ปัจจุบัน “แอดยิ้ม” ได้รับการยอมรับและให้บริการลูกค้ามากกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย เช่น ปตท., SCG, Sony, Panasonic, ไทวัสดุ, Line, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, เมืองไทยประกันภัย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนชาติ เป็นต้น