ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจรถไฟฟ้าบีทีเอส ต้องเผชิญกับปัญหาคลื่นระบบอาณัติสัญญาณจนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาล่าช้า ถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขปัญหา แต่การเดินรถยังมีปัญหาล่าช้า และกระตุกเป็นระยะ
ล่าสุด บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บีทีเอส กรุ๊ป ได้ชี้แจงถึงแผนการดำเนินงานในการประชุมผู้ถือหุ้น (23 ก.ค.) ว่า มั่นใจว่าจะมีกำไรในช่วง 4 ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 25%
เนื่องจากเดือนธันวาคมนี้ รถส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง–สมุทรปราการ) จะเปิดให้บริการได้ และในปี 2562 จะให้บริการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต–คูคต)
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่บริษัทได้ถือหุ้น บมจ.ยู ซิตี้ (U) 39% นั้น คาดว่าผลการดำเนินงานยู ซิตี้ ในปี 2561 จะเริ่มทำกำไร
คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง คาดว่าจะใชเวลาก่อสร้างจนแล้วเสร็จ 39 เดือน
เมื่อรวมเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย สายสีชมพูและสายสีเหลือง บีทีเอสมีเส้นทางการเดินรถรวมระยะทาง 133.5 กิโลเมตร จะมีผู้โดยสารเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น 2 ล้านเที่ยวคน/วัน จากปัจจุบันมีเส้นทางเดินรถรวม 38.1 กิโลเมตร ที่มีผู้โดยสาร 241 ล้านเที่ยวคน ในงวดปี 2560/2561
ส่วนแผนอนาคต จะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้า คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) มูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 แสนกว่าล้านบาท รวมถึงสนใจประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล–พระโขนง–สะพานพระราม 9-ท่าพระ) โครงการรถไฟขนาดเบา (LRT) บางนา–สุวรรณภูมิ เป็นต้น
พร้อมกับเตรียมหุ้นเพิ่มทุน (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 4 เพื่อระดมเงินทุนราว 1.7 หมื่นล้านบาท นำมาใช้ในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่และโครงการที่จะเปิดประมูลในอนาคต
สำหรับ บัตรแมงมุม ที่ยังไม่ต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น คีรี บอกว่าบีทีเอสยินดีที่จะให้บัตรแมงมุมเข้ามาใช้ในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ แต่บัตรแรบบิทก็ต้องใช้ในระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้บีทีเอสจะใช้ช่วงวันหยุดยาว 27-30 ก.ค. ตรวจสอบระบบและติดตั้งอุปกรณ์การกรองสัญญาใหม่ เพื่อแก้ไขลดปัญหาการเดินรถกระตุกน้อยลง.