ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของทั้ง Walt Disney Company และ 21st Century Fox ต่างลงมติเห็นชอบในดีลประวัติศาสตร์ที่ Disney จะเข้าซื้อกิจการของ Fox ด้วยราคาสูงถึง 71,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท
ในการประชุมผู้ถือหุ้นของทั้ง Walt Disney Company และ 21st Century Fox ที่โรงแรม ฮิลตัน ใน มิดทาวน์ แมนฮัตตัน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่นของนิวยอร์ก ผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ได้มีมติเห็นชอบในดีลการเข้าซื้อ Fox ของ Disney ที่ว่ากันว่าเป็นดีลที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจบันเทิงของฮอลลีวูดไปโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่าหลังจากนี้จะมีขั้นตอนทางกฎหมาย และขั้นตอนทางธุรกิจต่างๆ อีกพอสมควร กว่าที่ Disney จะได้เข้าไปควบคุมบริหาร Fox แต่ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของดีลระดับประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด ที่ Disney และ Comcast ต่างแย่งชิงเพื่อเข้าซื้อกิจการของ Fox
หลังจากนี้สิทธิในการสร้าง และจัดจำหน่ายของภาพยนตร์ทั้ง “Avatar” และ “X-Men” รวมถึงรายการโทรทัศน์อย่าง “The Simpsons” จะไปอยู่ในมือของ Disney หลังจากที่ Disney ได้กว้านซื้อทั้ง Lucasfilm, Marvel Entertainment และ Pixar Animation Studios ให้มาอยู่ในอาณาจักรของตัวเองในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่เท่านั้น Disney ยังจะได้เข้าไปบริหาร FX และ National Geographic รวมถึงบริการสตรีมมิง Hulu ที่มีผู้รับบริการถึง 20 ล้านคน และ Star ที่ได้รับความนิยมในแถบอินเดียด้วย
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ โรเบิร์ต เอ. อีเกอร์ แห่ง Disney ก็ต้องต่อสู้แย่งชิง Fox กับทาง Comcast มาอย่างเข้มข้น โดยในตอนแรก อีเกอร์ และ รูเพิร์ท เมอร์ด็อก เจ้าของ Fox สามารถตกลงซื้อกิจการกันได้ตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว
แต่พอในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา Comcast ได้ยื่นข้อเสนอที่มีตัวเลขสูงกว่าเข้าไป สุดท้าย Disney จึงต้องเพิ่มมูลค่าการซื้อขายมาเป็น 71,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจะจ่ายทั้งในรูปของเงินสด และจ่ายเป็นหุ้น
จุดสิ้นสุด และจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของฮอลลีวูด
คนในฮอลลีวูดมองการเข้าซื้อกิจการของ Disney ไปในหลายๆ ทาง และยังมีทั้งคนที่เห็นว่านี่คือ “จุดสิ้นสุด” แห่งยุคสมัย “6 สตูดิโอใหญ่” ของฮอลลีวูดอย่างเป็นทางการด้วย
วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดอยู่ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ 6 แห่งมานานเกือบ 100 ปี โดยทั้ง 6 ประกอบไปด้วย Universal Pictures, Paramount Pictures, Columbia Pictures, Warner Bros. Pictures, Walt Disney Pictures และ 20th Century Fox ที่เกิดจากการรวมบริษัทผลิตภาพยนตร์ 2 แห่ง คือ 20th Century Pictures และ Fox Film ในปี 1935 จึงนับว่าเป็นสตูดิโอที่มีอายุน้อยที่สุด ซึ่งนับจากปี 1935 เป็นต้นมา ก็แทบไม่เคยมีการซื้อ หรือควบกิจการระหว่างสตูดิโอใหญ่ ระดับที่เกิดขึ้นในปีนั้นอีกเลย
การตัดสินใจของ Disney นั้นเกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจบันเทิงที่ Disney เองมองว่า การรับชมความบันเทิงต่างๆ จากบริการออนไลน์ คือ อนาคตของวงการบันเทิง Disney จึงพยายามรวบรวมคอนเทนต์ต่างๆ เอาไว้ในมือให้มากที่สุด
นอกจากนั้น การที่บริษัทอย่างจากซิลิคอนวัลเลย์ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Amazon, Apple และ Facebook ได้หันมาจับธุรกิจบันเทิง และเริ่มสร้างคอนเทนต์เป็นของตัวเอง คือปัจจัยสำคัญที่สุดทำให้บริษัทที่ถูกมองว่าเป็นผู้ผลิต “สื่อเก่า” อย่าง Disney ต้องเร่งปรับตัว
“สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับการที่เราจะเข้าซื้อกิจการของ Fox ก็คือ นี่จะเป็นโอกาสให้เราเร่งเครื่องในการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อส่งตรงถึงผู้ชมได้เร็วมากขึ้น… เราเชื่อว่า การสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อส่งถึงผู้ชมโดยตรง คืออนาคตของธุรกิจสื่อและนี่ก็คือแนวทางที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้” ผู้บริหารสูงสุดของ Disney กล่าวเอาไว้เมื่อปลายปีก่อน.