“ไทคอน” ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 เติบโตตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ผลจากการดำเนินงานตามแผนธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ Total Dimension มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรและต่อยอดธุรกิจด้วยการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มอย่างบูรณาการ (Integrated Platform) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตลอดจนรองรับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย พร้อมมุ่งสู่ผู้นำระดับอาเซียนภายในปี 2563
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 585 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิจำนวน 67 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่และบริการจำนวน 390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 43 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมากด้วยอัตราการเช่าพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45 เป็นร้อยละ 51 และอัตราการเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66 เป็นร้อยละ 67 นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรีให้แก่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ต้องการขยายพื้นที่ประกอบการ และมีรายได้ค่าบริหารจัดการจากบริษัทไทคอน แมนเนจเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารกองทรัสต์ TREIT เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการควบรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของกลุ่มไทคอนเข้าสู่กองทรัสต์ TREIT เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 32,000 ล้านบาท ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2561 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,704 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 328 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 134 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นายโสภณได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมด้านการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมว่า “ความเชื่อมั่นในการลงทุนและการประกอบการด้านอุตสาหกรรมในประเทศกำลังปรับตัวดีขึ้น จะเห็นได้จากจำนวนอาคารโรงงานและคลังสินค้าที่ตั้งแต่ต้นปีนี้กลับมามีความต้องการสูงขึ้น โดยเฉพาะความต้องการจากการขยายกิจการที่มีอยู่เดิม ตลอดจนถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจและการส่งออก และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากได้แรงสนับสนุนของนโยบายภาครัฐ ซึ่งไทคอนมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า พร้อมให้บริการในพื้นที่อีอีซีกว่า 500 อาคาร บนพื้นที่กว่า 1.45 ล้านตารางเมตร ปัจจุบันไทคอนยังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve and New
S-Curve เช่น ยานต์ยนสมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์ การขนส่งโลจิสติกส์ และ อุตสาหกรรมการบิน เป็นต้น”
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไทคอนมีการเคลื่อนไหวทางธุรกิจครั้งสำคัญ โดยปรับวิสัยทัศน์องค์กรสู่การเป็นผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม ชูกลยุทธ์ Total Dimension ในการขับเคลื่อนองค์กรให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเน้นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เกิดมูลค่าและประสิทธิภาพให้ธุรกิจใหม่ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” “กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์” และ “กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น” เพื่อปรับองค์กรให้มีความทันสมัย พร้อมสนองตอบเทรนด์ธุรกิจอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล
“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเปิดเกมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันให้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจและแนวโน้มผลประกอบการของปีนี้เติบโตและมีกำไรเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมั่นใจก้าวสู่ผู้นำอันดับหนึ่งในระดับอาเซียนภายในปี 2563 ด้วยพื้นที่บริหารจัดการกว่า 3.5 ล้านตารางเมตร” นายโสภณกล่าวทิ้งท้าย