“เบบี้ กิ๊ฟ” หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กระดับพรีเมี่ยม เผยแนวทางการ รุกตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กด้วยกลยุทธ์ OMNI Channel ผสมผสานช่องทางทั้งออนไลน์ (Online) และการขาย หน้าร้าน (Offline) ตอบโจทย์ประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร้รอยต่อในยุคดิจิทัล ดันยอดขายเติบโตกว่า 20% ต่อเนื่อง มากว่า 3 ปี พร้อมดึงแนวคิด “เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้” (Listen to baby’s voice) สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ด้วยผลงานวิจัยจากกุมารแพทย์จากประเทศชั้นนำ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างมั่นใจ ทั้งคุณภาพและความปลอดภัย
นางสาวอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “จากแนวโน้มโครงสร้างครอบครัวไทยในปัจจุบันที่พ่อแม่มีลูกไม่เกิน 1-2 คน โดยจากข้อมูลอัตราเจริญพันธุ์ของมารดาของไทยล่าสุดในปี 2561 คือ 1.6 คน* โดยในกลุ่มของครอบครัวระดับ B ถึง A+ ในประเทศไทย มีแนวโน้มว่าเมื่อมีจำนวนลูกน้อยลง ครอบครัวก็จะทุ่มเทและเลือกสรรผลิตภัณฑ์ และเครื่องใช้ต่างๆ ของเด็ก ที่มีคุณภาพสูง เพื่อการดูแลลูกอย่างปลอดภัย และพิถีพิถัน ส่งผลให้โอกาสทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กระดับพรีเมี่ยมเติบโตขึ้น”
เบบี้ กิ๊ฟ ได้เริ่มต้นก่อตั้งขึ้นในปี 2552 จากการเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในระดับพรีเมี่ยม โดยเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาทิ รถเข็นเด็ก, คาร์ซีท (เก้าอี้นั่งนิรภัยในรถสำหรับเด็ก) และสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น เป้อุ้ม เตียงนอน แว่นตากันแดด และเก้าอี้ทานข้าว โดยคัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพเยี่ยมจากต่างประเทศ ได้แก่ อะปริก้า (APRICA) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์ อันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น, อาเลเบเบ (AILEBEBE) แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญผลิตคาร์ชีทมามากกว่า 30 ปี จากประเทศญี่ปุ่น, ปรินซ์ แอนด์ ปรินซ์เซส (PRINCE & PRINCESS) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่พัฒนานวัตกรรม และรูปแบบการใช้งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม เป็นต้น
ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์ OMNI Channel ต่อยอดสู่สังคมไร้เงินสด
“เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เบบี้ กิ๊ฟ นำมาจำหน่าย ทั้งรถเข็น หรือคาร์ซีท เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญ ต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด รวมไปถึงการดูแลบริการอย่างดีระดับพรีเมี่ยม ในช่วงเริ่มต้นบริษัทได้การบริหาร ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทาง เบบี้ กิ๊ฟ โชว์รูม (Baby Gift Showroom) ซึ่งเป็นลักษณะของร้านมัลติแบรนด์ ทั้งรูปแบบ สแตน อะโลน และโชว์รูมในคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ไปพร้อมกับการขยายเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม และพารากอน เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้ามาปรึกษา ทดลองสินค้า และรับบริการหลังการขายได้อย่างสะดวก แต่จากเทรนด์พฤติกรรมของพ่อแม่ยุคใหม่ที่นิยมหาข้อมูลและซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จนไปถึงขั้นตอนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าใช้กลยุทธ์ OMNI Channel เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบวงจร ด้วยการพัฒนาช่องทางออนไลน์ ให้สามารถหาข้อมูล อ่านรีวิว ตัดสินใจซื้อสินค้า และชำระเงินได้ทางช่องทางออนไลน์ แต่ก็ยังสามารถเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ชมสินค้าจริง และทดลองใช้ รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่ร้านได้ โดยเบบี้ กิ๊ฟ ได้เปิดช่องทางออนไลน์หลายรูปแบบ ทั้งของแบรนด์เอง คือ www.babygiftretail.com และเว็บ e-Commerce ชั้นนำ อาทิ Shopee, Lazada, LINE@babygiftretail และ Central.co.th”
ทั้งนี้ เบบี้ กิ๊ฟ มุ่งเน้นแนวทางการเป็นพันธมิตรจำหน่ายสินค้ากับเว็บ e-Commerce ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ช่องทางจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารจัดงานทั้งด้านโลจิสติกส์ การบริหารเงิน ค่าธรรมเนียมธุรกรรมการเงิน และการบริการหลังการขายได้อีกด้วย โดยเบบี้ กิ๊ฟ เชื่อมั่นว่า การพัฒนาการขายผ่านทางช่องทางเว็บ
e-Commerce จะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง และธุรกรรมการเงินได้กว่า 50%
ดึงอินไซต์ของพ่อแม่ “เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้”
ในปีนี้ทางเบบี้ กิ๊ฟ ทุ่มงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท เพื่อสร้างความแตกต่างในการทำการตลาดด้วยแนวคิด “เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้” (Listen to baby’s voice) เกิดจากการศึกษาอินไซต์ของพ่อแม่ที่จะต้องตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เพราะว่าเด็กทารกไม่สามารถสื่อสารได้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่พ่อแม่เลือกมาให้นั้นเหมาะกับตัวเด็กหรือไม่ ดังนั้น พ่อแม่แต่ละครอบครัวจึงต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเพื่อเลือกสรรสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้กับลูก ซึ่งงานวิจัยจากสถาบันต่างๆ และกุมารแพทย์ คือ แหล่งข้อมูลที่สำคัญและน่าเชื่อถือมาก ดังนั้นเบบี้ กิ๊ฟ จึงนำเอาแนวคิด “เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้” เป็นแนวคิดหลักในการสื่อสารการตลาดทุกช่องทาง เพื่อสร้างความน่าเชื่อและตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กให้กับเบบี้ กิ๊ฟ อย่างแท้จริง รวมไปถึงยังเป็นการให้ความรู้กับพ่อแม่อีกด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายโดยเบบี้ กิ๊ฟ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูง มีผลงานการวิจัยและทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญและกุมารแพทย์ เพื่อรับรองความปลอดภัย
“จากกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์อินไซต์ และช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ OMNI Channel ที่ครอบคลุมประสบการณ์ครบวงจรให้กับกลุ่มลูกค้า เบบี้ กิ๊ฟ ตั้งเป้าว่าจะสามารถได้กว่า 20% ในปี 2561 นี้” นางสาวอรุณศรี กล่าวสรุป