เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมา สำหรับ Apple iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ทีมงาน Cyberbiz จะพาไปสัมผัสตัวเครื่องจริง หลังจากงานเปิดตัว เพื่อแสดงให้เห็นนวัตกรรมของ Apple ที่ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอสมาร์ทโฟนที่มีจอไร้ขอบ และความสามารถที่ยังไม่มีใครตามทันอย่าง Face ID
เริ่มกันจาก iPhone XS เมื่อเทียบขนาดกับ iPhone X เดิม จะมีขนาดเท่ากัน แต่ความสามารถหลักๆ ที่เพิ่มเข้ามาคือเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่อง มีสีให้เลือกเพิ่มมากขึ้น คือ เพิ่มสีทองเข้ามาด้วย
รุ่นที่เป็นไฮไลต์เด่น ภายในงานเปิดตัวครั้งนี้ จึงกลายเป็น iPhone XS Max ที่เชื่อว่าด้วยพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในปัจจุบัน ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีจอแสดงผลใหญ่ขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการเล่นเกม หรือใช้ดูหนัง เพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น แอปเปิล จึงจับจุดดังกล่าวมาพัฒนาเป็น iPhone XS Max ออกมาให้ได้ใช้งานกัน ซึ่งแม้ว่าตัวเครื่องจะมีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 6.5 นิ้ว แต่ด้วยระดับราคาเปิดตัวที่เท่ากับ iPhone X เดิม ก็อาจจะกลายเป็นตัวเลือกใหม่ของผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อ iPhone เครื่องใหม่ได้ไม่ยาก
เพราะจุดที่น่าสนใจคือ ในช่วงปีที่ผ่านมา แอปเปิลพิสูจน์แล้วว่าการตั้งราคาเครื่องเกิน 40,000 บาทไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่เลือกซื้ออีกต่อไป เพราะถ้าตัวเครื่องมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ก็มีกลุ่มผู้ใช้งานที่พร้อมจะเสียเงิน หาซื้อมาใช้งานอยู่เช่นเดิม
โดยเมื่อลองสัมผัสแล้ว ตัวเครื่อง XS Max ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าใหญ่เกินไป ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือตัวเครื่องใกล้เคียงกับ iPhone 8 Plus เดิม แต่ขยายขนาดจอให้เต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าใครที่เคยใช้รุ่น Plus มาก่อนก็จะชินกับขนาดเครื่องไปโดยอัตโนมัติ
ส่วนฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจคือการปรับปรุงโหมดถ่ายภาพให้ดีขึ้น เมื่อถ่ายภาพในโหมด Portrait ผู้ใข้สามารถเข้าไปเลือกปรับรูรับแสงทีหลังได้ ช่วยให้เลือกได้ว่าต้องการภาพที่ฉากหลังเบลอ หรือให้ฉากหลังชัดก็ได้
ถัดมาคือ iPhone XR รุ่นนี้ แม้หลายๆ คนจะมองว่าเป็น iPhone รุ่นประหยัด แต่ในความเป็นจริงระดับราคาของเครื่องรุ่นนี้ก็จะอยู่ที่ 2 หมื่นปลายๆ (ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 749 เหรียญ) เทียบเท่ากับรุ่นท็อปๆ ของฝั่งแอนดรอยด์ได้ไม่ยาก เพียงแต่ที่น่าสนใจคือ แอปเปิลเลือกที่จะนำเทคโนโลยีที่เคยใช้บน iPhone X ลงมาอยู่ในเครื่องรุ่นนี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นจอขนาด 6.1 นิ้วแบบเต็มพื้นที่ ที่มี Notch ในส่วนบนจอ ซึ่งเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ Face ID ทำให้ iPhone รุ่นปี 2018 รองรับการใช้งาน Animoji และ Memoji ที่เปิดตัวมาใน iOS 12 ได้ครบทุกรุ่น ช่วยให้นำมาใช้งานสื่อสารกันได้สนุกสนานขึ้นแน่นอน
ขณะเดียวกันเมื่อเลือกใช้เป็นจอแบบ Liquid Display ทำให้ Apple มีการนำระบบ Haptic Feedback เหมือนการกดปุ่มทัชแพดใน Macbook Pro มาใช้งานในหน้าจอรุ่นนี้ และเพิ่มฟีเจอร์อย่างการเคาะหน้าจอเพื่อปลุกเครื่องเข้ามาด้วย
แม้ว่ากล้องที่ให้มาจะเป็นกล้องเดียว เพราะไม่ได้เน้นความสามารถในจุดนี้มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของแอปเปิล ที่รุ่นเล็กจะมีการตัดความสามารถบางอย่างออกไป เหมือนที่ก่อนหน้านี้ในรุ่น iPhone 7 หรือ iPhone 8 ก็จะมากับกล้องหลังเลนส์เดียวเช่นกัน
ดังนั้น ในการเลือกซื้อหา iPhone รุ่นใหม่มาใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งาน และงบประมาณอยู่แล้ว ถ้าต้องการ iPhone ที่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตัวเลือกอย่าง iPhone XS และ iPhone XS Max ก็น่าสนใจ แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัด การเลือกซื้อ iPhone XR แทนก็เพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว