หลังจากที่ “เพซ ดีเวลลอปเมนท์” จำใจตัดขายโครงการมหานคร มูลค่า 14,000 ล้านบาท ให้กับ “คิง เพาเวอร์” ประกอบไปด้วย ที่ดิน โรงแรม อาคาร จุดชมวิว และค้าปลีก เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับตัวเอง ท่ามกลางหนี้สินที่รอการชำระกว่า 30,160.69 ล้านบาท (ข้อมูล 31 ธันวาคม 2017)
หลายคนจับตาดูว่า เพซจะเอายังไงต่อไปกับ “ดีน แอนด์ เดลูก้า” แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ระดับไอคอนจากนิวยอร์ก ที่ซื้อกิจการมาเมื่อธันวาคม 2014 ด้วยเม็ดเงิน 140 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,550 ล้านบาท ซึ่งเพซต้องการเก็บไว้เอง เพราะประเมินว่ายังมีอนาคต แต่ต้องหา “ตัวช่วย” เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน
จึงเป็นที่มาของการดึง “พันธมิตร” เข้ามาช่วยขยายสาขา เริ่มจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพซได้เซ็นสัญญาข้อตกลงในการให้สิทธิแฟรนไชส์หลักแต่เพียงผู้เดียวให้แก่ Kinghill Overseas Holding Limited (Kinghill) บริษัทย่อยในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการเปิดร้านดีน แอนด์ เดลูก้า ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยตั้งเป้าขยาย 500 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี
แต่รายเดียวไม่พอ ล่าสุดเพซได้ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ “Lagardère Travel Retail” ให้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์เพื่อขยายร้านดีน แอนด์ เดลูก้าในจุด Travel Retail ทั่วโลก
เหตุผลที่เพซเลือกจับมือกับ Lagardère Travel Retail มาจากการมองเห็นธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกให้กับหลายๆ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งรวมถึงธุรกิจรีเทลอาหารและเครื่องดื่ม ดังที่เห็นได้จากความสำเร็จของดีน แอนด์ เดลูก้า ที่ได้เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้ง 2 สาขาที่สามารถทำยอดขายและรายได้มากกว่าสาขาอื่นๆ ที่อยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ
Lagardère Travel Retail เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจรีเทลการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ปัจจุบันมีร้านค้าประมาณ 4,400 ร้านในหมวดหมู่สินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดิวตี้ฟรี และธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ในสนามบิน สถานีรถไฟ
รวมถึงพื้นที่สัมปทานการท่องเที่ยวอื่นๆ จำนวน 800 ร้านใน 34 ประเทศทั่วโลก โดยดีน แอนด์ เดลูก้า จะเข้ามาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายพอร์ตธุรกิจอาหารในสนามบินของ Lagardère Travel Retail
ดีลนี้เริ่มต้นจาก 2 สาขาแรกที่สนามบินนานาชาติ ฮ่องกง ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมา โดยเป็นร้านแฟรนไชส์ในคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่ให้บริการอาหารและสินค้าสำหรับผู้โดยสารสายการบินโดยเฉพาะ
มีอาหารกล่องสไตล์เบนโตะหลากหลายเมนูในรูปแบบ Grab and Go รวมไปถึงแซนด์วิช ขนมปังต่างๆ สลัด พาสต้า รวมไปถึงกาแฟและเครื่องดื่มชนิดพิเศษ พร้อมสินค้ารีเทล ให้ลูกค้าเลือกซื้อก่อนขึ้นเครื่อง โดย Lagardère Travel Retail ตั้งเป้าขยายร้านดีน แอนด์ เดลูก้าในจุด Travel Retail ทั่วโลก จำนวน 150 สาขาภายในระยะเวลา 5 ปี
สรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ด้วยความร่วมมือนี้ ดีน แอนด์ เดลูก้าจะสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ไปทั่วโลก โดยอาศัยเครือข่ายของ Lagardère Travel Retail โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจและการเงินในระยะยาว ทาง Lagardère Travel Retail ยังได้แสดงความสนใจที่จะนำสินค้ารีเทลแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้าไปขายในโลเกชันต่างๆ ที่มีเครือข่ายทั่วโลกอีกด้วย”
ปัจจุบันดีน แอนด์ เดลูก้า มีสาขาทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 72 สาขา เพซมีแผนขยายสาขาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยสาขาที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ได้แก่ สาขาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคม 2018
สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนปี 2018 ของ “บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” ซึ่งรายงานในตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวม 6,569.55 ล้านบาท ขาดทุน 3,871.13 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 21,354.65 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมของ ดีน แอนด์เดลูก้า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2018 จำนวน 568 ล้านบาท ลดลง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 802 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายของสาขาในสหรัฐอเมริกาลดลง.