อาร์คิเทคทูรา จับมือ Flexform เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังจากอิตาลี เปิดตัว Flexform Flagship Store สาขาแรกในไทย

อาร์คิเทคทูรา (Arkitektura) ผู้นำเข้าไฮเอนด์ เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังจากทั่วโลก จับมือร่วมเป็น Exclusive Partner กับ Flexform (เฟล็กซ์ฟอร์ม) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากอิตาลี เปิดแฟล็กซิพ สโตร์ที่แรกในประเทศไทย ขยายพอร์ตสินค้าในเครือ ชูจุดขาย The Best Furniture Made in Italy เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ซื้อบ้านและคอนโดฯ มูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป เผยโอกาสตลาดไฮเอนด์เฟอร์นิเจอร์ในประเทศยังเติบโต ตอบรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เซ็กเม้นท์ลักซ์ชัวรี่ ซุปเปอร์และอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าแบรนด์ Flexform สามารถผลักดันยอดขายบริษัทฯ ให้เติบโตกว่า 25% พร้อมประกาศเดินหน้าร่วมมือกับบิสิเนส พาร์ตเนอร์ จากทั่วโลก หวังเพิ่มพอร์ตต่อยอดธุรกิจ

สมชัย อัครวิทยาภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์คิเทคทูรา จำกัด (Somchai Akkarawittayapoom, Managing Director, Arkitektura Co., Ltd.) กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายไฮเอนด์เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังจากทั่วโลกมาเปิดตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2002 อาทิ ชุดครัวแบรนด์ Poggenpohl, Dornbracht จากประเทศเยอรมัน, Arclinea จากประเทศอิตาลี, Calvin Klein Home, Caracole, Ralph Lauren Home จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ คือ ลูกค้ากลุ่ม B ถึงระดับ A++ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญกับการแต่งบ้านเพื่อสะท้อนถึง lifestyle ของผู้ซื้อ ในปัจจุบันและอนาคต และไม่ใช่แค่คำนึงถึงความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นถึงความสะดวกสบายในการใช้งาน มีการดีไซน์ที่ผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างครบครัน หากถามถึงสัดส่วนในการจัดสรรงบประมาณในการแต่งบ้าน ย่อมเป็นไปตามมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น Ratio คนสร้างบ้านหลักร้อยล้านบาท ก็จะแต่งบ้านมูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป ทั้งนี้ แม้ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศที่มีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท จะอยู่ในภาวะทรงตัวแต่กลุ่มไฮเอนด์เฟอร์นิเจอร์ ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน โดยเฉพาะในเซ็กเม้นท์ซุปเปอร์และอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ ที่มีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นกลุ่มที่ยังคงมีกำลังซื้อสูง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เน้นพัฒนาโครงการเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น โดยข้อมูลจาก โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) หรือ JLL พบว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2561 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ โดยทั่วไปยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาบั่นทอนความต้องการ อย่างไรก็ดี อสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทมีผลประกอบการที่แตกต่างกันไป เนื่องจากมีปัจจัยบวกและลบที่แตกต่างด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม แม้จะขยายตัวเร็ว แต่ระดับราคายังคงที่ไม่ปรับตัวสูงอย่างรุนแรง ยกเว้นโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่ ที่อยู่ในทำเล Prime Area ซึ่งเรามั่นใจว่าตลาดดังกล่าวจะยังเติบโตได้อย่างได้เนื่อง สะท้อนได้จากการลงทุนของดีเวลลอปเปอร์ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ที่ยังคงเดินหน้าขยายโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ และอัพเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อตลาดไฮเอนด์เฟอร์นิเจอร์ที่จะขยายตัวเช่นกัน จากปัจจัยดังกล่าว รวมถึงการทำตลาดของบริษัทฯ ที่เน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน และการร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำในการนำเฟอร์นิเจอร์ของแบรนด์ในเครือไปใช้ในโครงการ ส่งผลให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 1-3 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตถึง 25%

และเพื่อเป็นการขยายไลน์สินค้า รองรับกับความต้องการของผู้บริโภคและตอบสนองการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จึงได้จับมือร่วมกับ Flexform ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์จากอิตาลีและเป็น Top Brand ในตลาดยุโรป เข้ามาเปิดแฟล็กชิพ สโตร์ สาขาแรกในประเทศไทย ถือเป็นการเพิ่มพอร์ตของแบรนด์สินค้าในเครือ เนื่องจากบริษัทฯยัง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้มาก่อน เป็นการเพิ่มความหลากหลายและเติมเต็มความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยแฟล็กชิพสโตร์สาขาแรก ตั้งอยู่ในทองหล่อซอย 10 (ตรงข้ามอารีน่า 10) มีขนาดพื้นที่ขายกว่า 300 ตารางเมตร ออกแบบตกแต่งเหมือนแฟล็กชิพ สโตร์ ที่อิตาลี ทั้งการเลือกใช้วัสดุ และแนวคิดการออกแบบสโตร์ ด้านกลุ่มสินค้าที่นำเข้ามาจัดจำหน่าย ล้วนแต่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากอิตาลี ประกอบกับคุณภาพ ความละเอียดปราณีต พิถีพิถัน ที่ตอกย้ำความเป็น 100% Made in ITALY ได้เป็นอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ของ Flexform สามารถเข้ากับทุกสิ่งแวดล้อมในบ้านไม่ว่าจะเป็นแนวคลาสสิค วินเทจ ร่วมสมัย หรือโมเดิร์น มีทั้งโซฟา เตียงนอน อาร์มแชร์ ชุดรับประทานอาหาร เป็นต้น โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีบริการให้คำแนะนำในการออกแบบจัดวางเฟอร์นิเจอร์สำหรับลูกค้าโดยทีมดีไซน์เนอร์มืออาชีพ อีกด้วย

การนำแบรนด์ Flexform เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยของ อาร์คิเทคทูรา ครั้งนี้ เรามองเห็นโอกาสและศักยภาพของตลาดไฮเอนด์เฟอร์นิเจอร์ ที่ยังคงมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ รวมถึงการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันคอนโดมีเนียมในกลุ่มนี้มีราคาสูงสุดถึงตาราเมตรละ 400,000 บาท และยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางผู้บริหารของ Flexform ประเทศอิตาลีเอง ก็เล็งเห็นถึงโอกาสในการทำตลาดดังกล่าว จึงเกิดเป็นความร่วมมือในรูปแบบ Exclusive Partner ขึ้น ซึ่งเราคาดหวังให้ความร่วมมือครั้งนี้ เป็น Business Model ครั้งสำคัญที่จะนำไปปรับใช้กับพาร์ตเนอร์รายอื่นๆ ต่อไป สำหรับกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ Flexform นั้น นอกจากข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งของแฟล็กชิพ สโตร์ ที่อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยระดับบนอย่างถนนสุขุมวิท และการใช้ช่องทางการสื่อสารต่างๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้ว ยังเน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบเอ็กซ์คลูซีฟระหว่างแบรนด์กับลูกค้า อีกด้วย โดยคาดว่าการนำเข้าแบรนด์ Flexform มาจัดจำหน่ายในประเทศไทย จะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายรวมของบริษัทฯ ได้กว่า 25%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ อาร์คิเทคทูรา ในปีหน้านั้น ได้วางเป้าหมายสำคัญสู่การเป็นผู้นำในตลาดไฮเอ็นด์เฟอร์นิเจอร์ โดยนอกจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่มี อาทิ Poggenpohl, Arclinea, Flexform, Caracole, Neptune Home, Dornbracht, Emco, Viega, Ralph Lauren Home, Lauren Ralph Lauren Home, Calvin Klein Home, Sanderson, Yves Delorme, Visual Comfort, Neptune Home แล้ว เรายังคงแสวงหาความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อขยายไลน์สินค้าให้สามารถรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกลักซ์ชัวรี่เซกต์เม้น รวมถึงตอบโจทย์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนทั้งโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ คอนโดมีเนียม รวมถึงโครงการ Mixed-Use โรงแรมและรีสอร์ทระดับลักซ์ชัวรี่ อีกด้วย