บีทีเอส-แสนสิริ ย้ำความสำเร็จจากความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน ล่าสุดเปิดตัว “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” คอนโดมิเนียมโครงการที่ 13 ภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ปฯ จำนวน 880 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท ชูแนวคิด “Imagination is Everything” บนทำเลศักยภาพให้ชีวิตใกล้ทุกความสุขและเชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย บนทำเล “ห้าแยกลาดพร้าว” ที่ตอบรับทุกการเดินทาง การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต จุดศูนย์กลางการคมนาคมหลายรูปแบบทั้งรถไฟฟ้า 2 สาย เพียง 300 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2562 และ 700 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธิน ใกล้ทางด่วนสายสำคัญ, สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เชื่อมต่อไปยังทุกจุดหมายที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาชั้นนำ ห้างสรรพสินค้าหลากหลายไลฟ์สไตล์ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพฯ ครั้งแรก! กับต้นแบบแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบ “Green Concept” เต็มรูปแบบด้วยมุมมองสวนกว้างกว่า 8 ไร่ และพื้นที่ส่วนกลางที่มากถึง 3,000 ตร.ม. พร้อม Co-Living Space ตามแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะ ไลน์ เต็มรูปแบบในโครงการ เตรียมเปิดขายแบบ Fully Furnished ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท* ในวันที่ 17 – 18 พ.ย. นี้
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ และแสนสิริ ประสบความสำเร็จจากความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนมาแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 43,000 ล้านบาท ซึ่งหลายโครงการประสบความสำเร็จปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์ ล่าสุด บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อาคาร บี” จำนวนทั้งสิ้น 880 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท ชูจุดขายตั้งอยู่ในที่สุดของทำเลศักยภาพ “ห้าแยกลาดพร้าว” ที่ชีวิตใกล้ทุกความสุขและเชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย ตอบรับทุกการเดินทาง การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต นับเป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้า 2 สายที่เดินทางสะดวกเพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2562 นี้ และ 700 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธิน ใกล้ทางด่วนสายสำคัญ, สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองที่สามารถเชื่อมต่อไปยังทุกจุดหมายที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาชั้นนำ ห้างสรรพสินค้าหลากหลายไลฟ์สไตล์ อาทิ เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนียนมอล์ ตลาดนัดจตุจักร และสวนสาธารณะที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพฯ ขนาดใหญ่ถึง 3 สวน อาทิ สวนสาธารณะจตุจักร, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เป็นต้น
“คอนโดมิเนียมในทำเลย่านลาดพร้าว – พหลโยธินมีความต้องการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 17.7% ต่อปี ขณะที่ราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยประมาณ 12% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยราคาที่ดินที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบันจึงขยับเข้าใกล้ราคาที่ดินทำเลสุขุมวิท จากศักยภาพของทำเลซึ่งเป็นแหล่งรวมที่ตั้งของอาคารสำนักงานบริษัทใหญ่จำนวนมาก อาทิ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นต้น จึงเกิดความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ของกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มองหาคอนโดมิเนียมที่ไม่ไกลจากที่ทำงาน และยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม ที่จะขยายครอบครัว แต่ยังคงต้องการอาศัยอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน คอนโดมิเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบายและยังใกล้กับทางด่วนและระบบขนส่งมวลชนอีกทั้งยังอยู่ในราคาที่จับต้องได้ โดยก่อนหน้านี้บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ซึ่งนับเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริ และบีทีเอส กรุ๊ปฯ ที่สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันแรกที่เปิด พรีเซลในปี 2558” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
นอกจากความโดดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งนับว่าตั้งอยู่ในที่สุดของทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว โครงการเดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ยังนับเป็นโครงการแรกบนต้นแบบแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบ “Green Concept” เต็มรูปแบบแห่งแรกของแสนสิริ ภายใต้แนวคิด “Green is a new luxury” ในมุมองสวนกว้างกว่า 8 ไร่ และพื้นที่ส่วนกลางที่มากถึง 3,000 ตร.ม. โดยมีแนวคิดหลักในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมครอบคลุมถึง 4 ด้านที่สำคัญของโครงการ ได้แก่ 1. Green Innovation การนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ภายในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น Solar Rooftop 2. Green Material การใช้วัสดุ-อุปกรณ์ในการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Earth Blox 3. Green Residential Unit การออกแบบพื้นที่พักอาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน และดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น Well-Air 4. Green ECO-Planting การเพาะปลูกพรรณไม้ เพื่อดูดซับมลพิษ และลดความร้อน อีกด้วย
เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค โดดเด่นด้วยสวนร่มรื่นขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ ภายในโครงการที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Co-Living Space ตามแบบฉบับแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะ ไลน์ เต็มรูปแบบในโครงการนี้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครอบคลุม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยมีไฮไลท์ อาทิ Co-Cooking Studio เปิดประสบการณ์การปรุงอาหารที่ไม่เหมือนใคร ด้วยชุดเครื่องครัวที่คัดสรรแบรนด์คุณภาพสูงระดับโลกมาไว้ที่นี่ อาทิ Hacker และ Miele แบรนด์ชื่อดังจากเยอรมันนี เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกเหมือนทำอาหารอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่มีการตกกระทบของแสงและเงาต้นไม้อย่างสมจริง, Co-Working Space พื้นที่สร้างสรรค์ทุกจินตนาการในการทำงานด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน เริ่มจาก Photo Studio สตูดิโอถ่ายภาพนิ่งพร้อมอุปกรณ์ ตามด้วยพื้นที่นั่งทำงานส่วนกลาง เหมาะกับการทำงานแบบเดี่ยวและการทำงานแบบกลุ่ม ด้วยการจัดวางรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้ โซนห้องประชุมและห้อง Workshop และ Co-Living Lounge มุมพักผ่อนที่เติมสีสันกับทุกกิจกรรมทั้งการจัดปาร์ตี้ ดูหนังหรือเล่นเกมส์ ใช้ทุกเวลาแห่งการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังจัดพื้นที่ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น บนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 32 ที่ออกแบบสวนลอยฟ้า ให้สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ทุกวัน โดยในพื้นที่ชั้นเดียวกันยังประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ‘Twinkle Sky Pool’ ที่ให้คุณว่ายน้ำท่ามกลางวิวเมืองสูงที่กว้างสุดสายตา พร้อมจากุซซี่ และสระเด็ก รวมถึงฟิตเนส มุมมองกว้าง 180 องศาที่แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน กับการออกกำลังกายที่หลากหลาย พร้อมเครื่องเล่นใหม่ล่าสุด เช่น Reax Board, Reax Light และ Fluiball ทั้งนี้ โครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค คอนโดมิเนียมเฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท* เตรียมเปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ 17-18 พฤศจิกายนนี้พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ จองในงานรับฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบเซ็ท*
“บริษัทเชื่อมั่นว่า เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค จะนับเป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จ จากความเชื่อมั่นในการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แสนสิริ ความโดดเด่นของโครงการรวมถึงทำเลโครงการที่อยู่ในทำเลศักยภาพ ทั้งนี้จากความสำเร็จดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายคอนโดมิเนียมได้ตามเป้าหมายกว่า 30,500 ล้านบาทตามที่วางไว้ ก้าวสู่ปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ #SansiriBestYearEver” นายภูมิภักดิ์ กล่าว