เวิร์คพอยท์ปาดเหงื่อ รายได้ธุรกิจทีวีลด กำไรตก 63% แต่อีเวนต์ คอนเสิร์ต ขายเครื่องสำอางโต

ธุรกิจทีวีดิจิทัลกำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันและรายได้จากค่าโฆษณาลดลงต่อเนื่อง รวมถึงเวิร์คพอยท์ ที่เคยเป็นช่องดาวรุ่ง ผ่านการเติบโตสูงสุดมาแล้ว โดยรายการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ The Mask Singer แต่ในปีนี้ยังไม่มีรายการใหม่ๆ ที่สร้างความนิยม ส่งผลต่อผลประกอบการของเวิร์คพอยท์มีตัวเลขรายได้และกำไรของบริษัทที่ลดลงชัดเจน

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2561 เวิร์คพอยท์ทำรายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 1,007.11 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,166.51 ล้านบาท และมีกำไรในไตรมาสที่ 3 ปีนี้อยู่ที่ 141.54ล้านบาท ลดลง 238.44 ล้านบาท หรือ 63% จากกำไรในช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรอยู่ที่ 379.98 ล้านบาท

รายได้จากธุรกิจทีวีตก 26%

เวิร์คพอยท์ชี้แจงว่า สาเหตุหลักที่รายได้และกำไรลดลงนั้น มาจากรายได้จากธุรกิจทีวีรวมถึงช่องทางออนไลน์ลดลง โดยรายได้จากค่าโฆษณาและการเช่าเวลา ในไตรมาส 3 ของปีนี้ 769.78 ล้านบาท ลดลง 266.69 ล้านบาท หรือ 26% จากรายได้รวม 1,036. 47 ล้านบาท ของไตรมาสที่ 3 ของปี 60

สำอางแบรนด์ Let Me In Beauty

แต่เวิร์คพอยท์ยังมีรายได้ส่วนอื่นๆ ที่เติบโตขึ้นมา เข้ามาชดเชยรายได้โดยรวมของบริษัท ใน 3 ส่วนคือ รายได้จากอีเวนต์ คอนเสิร์ต และการขายสินค้าบริการโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอางแบรนด์ Let Me In Beauty ที่ต่อยอดมาจากรายการวาไรตี้ Let Me In

ในส่วนรายได้จากอีเวนต์ 41.55 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ที่ทำรายได้ 22.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 84% หรือ 18.98 ล้านบาท

ส่วนการขายสินค้าและบริการอื่นๆ รวมถึงการจัดหานักแสดง การเช่าโรงละคร และ Studio Shop ทำรายได้ 33.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.98 ล้านบาท หรือ 43% จาก 23.42 ล้านบาทในปี 2560 แต่รายได้หลักในหมวดนี้ มาจากการขายเครื่องสำอาง Let Me In Beauty ที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจการขายเครื่องสำอางผ่านเครือข่ายของทีวีดิจิทัลมีแนวโน้มการเติบโต

The Rapper

ส่วนสุดท้าย รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวที โดยมีรายได้ปีนี้รวมอยู่ที่ 161.94 ล้านบาท จากรายได้รวม 84.03 ล้านบาทในปี 2560 ซึ่งเพิ่มขึ้น 93% หรือ 77.91 ล้านบาท โดยมีงานหลักๆ คือ คอนเสิร์ต The Rapper และ คุณพระช่วย และคอนเสิร์ตใหญ่ของ 11 หนุ่มเกาหลี Wanna One ผู้ชนะรายการ Produce101 Season 2 จากเกาหลีในคอนเสิร์ต Wanna One World Tour In Bangkok

เจอต้นทุนสูงจากถ่ายทอดสดกีฬาและคอนเสิร์ต

แม้ว่าจะมีรายได้ส่วนของการจัดคอนเสิร์ตมากขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตรายการและคอนเสิร์ตเหล่านี้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจากคอนเสิร์ต Wanna One World Tour In Bangkok และต้นทุนจากการถ่ายทอดสดรายการกีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 ที่เวิร์คพอยท์ได้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว โดยมีต้นทุนในส่วนนี้รวม 608.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 468.27 ล้านบาท หรือ 30%

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม 210.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.12 ล้านบาท หรือ 9% จากปี 2560 192.49 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าโปรโมตสินค้าและโฆษณาสินค้า Let Me In Beauty

สำหรับเรตติ้งเฉลี่ยของช่องเวิร์คพอยท์ในรอบ 9 เดือนของปี 2561 นั้น อยู่ที่ 0.803 ลดลงจาก 9 เดือนของปี 2560 ที่อยู่ที่ 1.073

ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ซี่งเป็นวันที่แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีนี้ของเวิร์คพอยท์ ราคาหุ้นหล่นมาอยู่ที่ราคา 31 บาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมอยู่ที่ 13,688.34 ล้านบาท ในขณะที่ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2560 นั้นอยู่ที่ 84.25 บาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมอยู่ที่ 36,973 ล้านบาท.