นอกจากจะเป็นบิ๊กโปรเจกต์หลังจากว่างเว้นการลงทุนใหม่ๆ มาถึง 5 ปีเต็ม ยังเป็นการแตกทำเลครั้งแรกของสยามพิวรรธน์ที่เคยยึดพื้นที่สี่แยกปทุมวัน มีทั้งสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และถือหุ้นในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง
ดีลนี้ เกิดขึ้นจากการลงขันร่วมกับบริษัทเอ็มบีเค จำกัด เจ้าของห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ซื้อห้างสรรพสินค้าเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ มาจากกลุ่มพรีเมียร์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 และก็ซุ่มทำงาน 10 เดือนเต็ม ก็ได้เวลาเผยโฉมใหม่ให้เห็นคอนเซ็ปต์ และเปลี่ยนเป็นชื่อ พาราไดซ์ พาร์ค
กว่าจะได้ชื่อมาก็ไม่ง่าย คิดมาแล้วถึง 90 ชื่อ “ชื่อของศูนย์การค้าต้องมีความไดนามิก เก๋ มีแฟชั่นเซ้นส์ที่เร้าใจ ยังคิดถึงความเหมาะสมของอักษรที่ลงในหนังสือพิมพ์ด้วย คิดกันมา 90 ชื่อ หลายชื่อบรรดาคอนโดมิเนียมเอาไปใช้แล้ว” ชฎาทิพย์ จูตระกูล กรรมการผู้จัดการ สยามพิวรรธน์ เล่าถึงที่มาของชื่อ
วันนั้น ชฎาทิพย์มาให้สัมภาษณ์ด้วยชุดสีเขียวสดใส เป็นความตั้งใจของเธอที่ต้องการสื่อถึงคอนเซ็ปต์ The Oasis of Srinakarin ตอบโจทย์ทั้งความทันสมัย เน้นความชุ่มชื่น ใส่ความเป็นธรรมชาติ เพราะตั้งยังอยู่ใกล้สวนหลวง ร.9
แม้จะแน่ใจตั้งแต่แรกเห็น ชฎาทิพย์ก็ยังลงทุนสำรวจด้วยเอง วนเวียนเข้าออกห้างเสรีเซ็นเตอร์ทั้งกลางวัน กลางคืน วันหยุด วันทำงาน พูดคุยกับแม่ค้า และลูกค้า รวมเบ็ดเสร็จ 20 ครั้ง หลังตัดสินใจซื้อ สิ่งแรกที่ชฎาทิพย์ทำคือ วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในย่านนั้น 10 กิโลเมตรรอบห้างเสรีเซ็นเตอร์ ประกอบไปด้วย 70 หมู่บ้าน เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร ศึกษา ทุกกลุ่มเป้าหมายทุกอาชีพ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก คนทำงาน คนโสด แต่งงาน ชาวต่างชาติ
จากประสบการณ์ที่เคย “รีโนเวท” ห้างสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่มาหลายหลายรอบ เปลี่ยนทั้ง Positioning และกลุ่มลูกค้า เธอยอมรับว่ายากกว่าการสร้างห้างสรรพสินค้าขึ้นใหม่ ยิ่งมีเนื้อที่ 290,000 ตารางเมตร ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
เป้าหมายของเธอคือ การ “เทเลอร์เมด” ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าในย่านนั้น และจากผลวิจัยที่ได้มา เธอเลือกคงจุดแข็งของเสรีเซ็นเตอร์ไว้ 3 จุดหลักคือ ตลาดสดเสรีมาร์เก็ต ส่วนของโรงเรียนเสริมทักษะเด็กเล็ก โซนไอที และกลุ่มลูกค้าสูงอายุ ที่เธอมองว่าเป็น “เสน่ห์” ที่หาไม่ได้ในห้างสรรพสินค้าอื่นที่ยังคงต้องรักษาไว้
“แม่เหล็ก” ใหม่ที่ใส่เข้าไป มุ่งเน้นความทันสมัย ชักชวนแฟชั่นแบรนด์จากไทย และต่างประเทศ มาเปิดสาขานอกเมือง และเลือกกูเมต์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ และเดอะมอลล์
“เราต้องการเป็น Specially Shopping Center เราไม่เคยมีดีพาร์ตเมนต์สโตร์ มีร้านค้าต่างๆ ที่เราชักชวนมาเปิด เป็นสิ่งที่สยามเซ็นเตอร์มีความชำนาญ และเป็นความแตกต่างของเราที่ไม่เหมือนกับห้างอื่น ที่มักมีโมเดลเหมือนกันทุกสาขา”
อีกแม่เหล็ก คือ พื้นที่ไอที หรือดิจิตอลเวิลด์ มีร้านขายคอมพิวเตอร์ กล้อง และมือถือ ทั้งแบรนด์เนมนอกและไทย และตู้ขายโทรศัพท์มือถืออีก 100 ตู้ ยกจากมาบุญครองมาเปิดสาขาที่นี่ มีโซนมันนี่ปาร์ค ทั้งธนาคารและประกันภัยมาเปิดพื้นที่บริการ
เป้าหมายของเธอ คือ การตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับ B ขึ้นไป ยังไงเสียลูกค้ากลุ่ม C ก็ตามมาด้วย และเชื่อว่าจะกินไกลไปถึงชลบุรี
แม้เธอบอกว่า วันนี้จะเหนื่อยและยากเย็นเพียงใด แต่เธอก็พกความมั่นใจมาแบบเต็มกระเป๋า “ถือว่าสอบผ่านโจทย์หินมาแล้ว ทั้งพิษเศรษฐกิจและการเมือง วันนี้โฉมใหม่ของห้าง พาราไดซ์ ยอดผู้เช่าในมือ 70% และพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า”
ความมั่นใจ บวกกับประสบการณ์ 23 ปี ในห้างสรรพสินค้า ความพร้อมของทีมงาน ชฎาทิพย์บอกว่า สยามพิวรรธน์พร้อมจะแตกไลน์ขยายธุรกิจในอนาคต จะมีทั้งซื้อที่ดิน โรงแรม อพาร์ตเมนต์ รับบริหารห้างสรรพสินค้าได้ทุกรูปแบบ
Code
“ทำห้างสรรพสินค้าเวลานี้ ไม่เหมือนทำคอนโดมิเนียมที่ขายแล้วจบ แต่ต้องดูแลร้านค้า รับผิดชอบชีวิตลูกค้าที่มาเดินห้าง และเป็นธุรกิจที่ต้องถล่มเงินเข้าไปตลอดเวลา”



