“ซาบีน่า” เผยผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้ทะลุ 2.3 พันล้านบาท เติบโต 16.14% สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าจะเติบโต 15% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 49% เผยปัจจัยหลักมาจากการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่คอลเลคชั่น “ดูมดูม” (Doomm Doomm) พร้อมอัดภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่กระตุ้นกำลังซื้อ ขณะที่ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโต161% ตามไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่าย ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายได้กระชับขึ้น ตรงกลุ่มเป้าหมาย เจาะฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริงได้เพิ่มขึ้น
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยผลประกอบการงวด 9 เดือน (มกราคมถึงกันยายน 2561) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,327.67ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 2,004.12 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 16.14% โดยมีกำไรสุทธิ286.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือนปี 2560 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 192.10 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 48.94 %
สำหรับปัจจัยที่ทำให้รายได้และกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากรายได้ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 161% ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ มีการเปิดตัว “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่สำหรับชุดชั้นในคอลเลคชั่น “ดูมดูม” (Doomm Doomm) โดยมีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ไปพร้อมกัน ทำให้รายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้นกว่า 16% สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ว่า ทั้งปีจะเติบโตได้ประมาณ 15%
“เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่หรือมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่สำหรับปีนี้ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของ SABINA เติบโตได้มากกว่าที่เราตั้งไว้ ก็คือ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ขยายตัวสูงขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งช่องทางการขายผ่านออนไลน์ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนลดลง เพราะกิจกรรมการตลาดแบบออฟไลน์ รวมทั้งอีเว้นท์ต่างๆ ก็เปลี่ยนรูปแบบไปอยู่ในรูปออนไลน์มากขึ้น ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลดลง และทำให้การจัดกิจกรรมต่างๆ มีความกระชับมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจริงได้มากขึ้นด้วย” นายบุญชัยกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า ส่วนการขายในอีก 3 ช่องทางที่เหลือก็ยังคงเติบโตได้ดี โดยช่องทางรีเทลซึ่งเป็นช่องทางหลักของสินค้าแบรนด์ “ซาบีน่า” เติบโต 7.6% เช่นเดียวกับรายได้จากการส่งออก (SABINA EXPORT) ที่เติบโต 29% และรายได้จากการรับผลิตเพื่อส่งออก (OEM) ที่เติบโต 44.5% ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV นั้น ช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะการที่บริษัทฯ ได้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องโครงสร้างการขายให้กับคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเลือกจุดขาย เมื่อผนวกรวมกับการส่งสินค้าที่ตรงเวลา ก็ทำให้ยอดขายสินค้าที่ส่งออกไปในกลุ่ม CLMV มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้การเติบโตของ SABINA เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้