Google ได้ออกมาเปิดเผยถึงมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย จะพุ่งขึ้นเป็น 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ในปี 2568 หรือเติบโตกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2015 โดยครอบคลุมใน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ อีคอมเมิร์ซ, สื่อออนไลน์, บริการร่วมเดินทาง และท่องเที่ยวออนไลน์
เบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ กูเกิล ประเทศไทย ให้รายละเอียดถึงผลการสำรวจมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ทางกูเกิลร่วมมือกับทางเทมาเส็ก เพื่อสำรวจระบบนิเวศดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 4 กลุ่มหลักๆ ที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งอีคอมเมิร์ซ, สื่อออนไลน์, บริการร่วมเดินทาง และการท่องเที่ยวออนไลน์
โดยปีนี้ 2561 มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2558 ซึ่งเป็นการปรับคาดการณ์ตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดไว้ในปี 2558 เนื่องจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโตเร็วกว่าที่คาดไว้ พร้อมกับการเพิ่มธุรกิจใหม่อย่างบริการจองที่พักออนไลน์ บริการส่งอาหาร และบริการสตรีมมิ่งทั้งเพลงและวิดีโอเข้ามาด้วย
ไทยเองได้กลายเป็นประเทศที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากที่สุดในโลก จากปี 2558 ที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยอยู่ที่ 38 ล้านคน ส่วนปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 45 ล้านคน ที่สำคัญกว่า 90% เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ
มูลค่าตลาดเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และปรับคาดการณ์ขึ้นมาเป็น 4.3 หมื่นล้านบาทภายในปี 2568 จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะอยู่ราว 3.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สอดคล้องต่อมูลค่าตลาดรวมของภูมิภาคอาเซียน ที่ปรับเพิ่มขึ้น และถือว่าไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย
เมื่อดูถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั้งในภูมิภาคอาเซียน และในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า ภายในปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตร่วมไปกับจีดีพีของภูมิภาค เศรษฐกิจดิจิทัลในไทย มีสัดส่วนอยู่ราว 2.7% ขณะที่ประเทศอย่างจีน และสหรัฐฯ มีสัดส่วนอยู่ที่ 6.5% และเริ่มอิ่มตัวแล้ว
ในส่วนของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย มีอัตราเติบโตมากที่สุด ด้วยมูลค่าตลาดเกือบ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านภายในปี 2568 โดยในแต่ละประเทศจะเริ่มเห็นผู้นำในตลาดนี้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงในแต่ละประเภทของสินค้า
ในกลุ่มของสื่อออนไลน์ จะเห็นว่า ตลาดประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมาจากทางด้านโฆษณา เกม และบริการสตรีมมิ่ง โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
บริการร่วมเดินทาง (Ride Hailing) ที่ในปัจจุบัน มูลค่าตลาดอยู่ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากการควบรวมบริการของแกร็บ และอูเบอร์ ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันเท่าที่ควร และคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“หลังจากนี้ บริการร่วมเดินทางจะหันไปแข่งขันในการเพิ่มมูลค่าด้วยการเปลี่ยนเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน เพิ่มเติมจากรถโดยสาร กลายเป็นการให้บริการขนส่งอาหาร ส่งสินค้า ไปจนถึงบริการทางการเงิน”
ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ จะจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ ทางสายการบิน และแพลตฟอร์มจองสถานที่ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) โดยปัจจุบันในไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025
“ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทย รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียน สามารถเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ คือ เรื่องของการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะทางด้านดิจิทัล โดยจำเป็นที่ต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นปีละ 10% และเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันทั้งจากภาครัฐ และเอกชน”