เสียงกรี๊ดที่เงียบลงของ “ไอโฟน”

ไอโฟน 3G น่าจะเติบโตได้ดี ทำยอดได้สูงในเมืองไทย เมื่อ”ทรู คอร์ปอเรชั่น” นำเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2009 แต่ ”ทรู” พลาดเป้าหมาย เมื่อเกิดปรากฎการณ์ BB Lover มากขึ้นเรื่อยๆ บรรดา Trend Setters หันไปถือ BlackBerry (BB) แทน เพราะสมาร์ทโฟนสำหรับมัลติมีเดีย และทัชโฟนอย่างไอโฟน ไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยากเข้าไปอยู่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล และแชตได้สะดวกและตลอดเวลา

ไม่น่าเชื่อว่า ”เสียงกรี๊ด” ตอบรับไอโฟนที่เคยดัง และเป็นกระแสในไทยเมื่อปี 2008 จะเงียบลงอย่างรวดเร็ว

นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับไอโฟนในเมืองไทย แม้วันนี้ ”ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์” ผู้ช่วยการกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองหัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหาร ด้านการพาณิชย์ ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะบอกว่ายอดจองซื้อไอโฟนยังดีต่อเนื่อง และทำให้จำนวนลูกค้าแบบจดทะเบียนรายเดือน(โพสต์เพด) ของ ”ทรูมูฟ” เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2009

แต่หากไม่มี BB…“ไอโฟน” ต้องสดใสกว่านี้

ยอดจองของไอโฟน 3G ในช่วงเดือนแรกทำได้แค่ประมาณ 3,500 เครื่อง แม้ว่าจะพยายามทุ่มงบการตลาด จัดอีเวนต์เข้าแถว พรีบุ๊กกิ้งที่เป็นโมเดลของแอปเปิล ทำให้ไอโฟนสำเร็จในต่างประเทศก็ตาม แต่จนถึงเดือนสิงหาคม 2009 ทำยอดขายได้ 50,000 เครื่อง พร้อมกับงบการตลาดรวม ประมาณ 50 ล้านบาท หลุดจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ว่า ”ทรู” น่าจะทำตลาดให้ได้ถึงหลักแสนเครื่อง

นี่คือบทเรียนสำหรับไอโฟน 3Gs ซึ่งเป็นไอโฟนรุ่นที่ 2 ที่ ”ทรู” เอาเข้ามาเมื่อเดือนสิงหาคม 2009 แม้ต่างประเทศจะยังตื่นเต้นกับ 3Gs มีการเข้าแถวกันหลายประเทศ แต่สำหรับประเทศไทย อาจไม่แน่น ทรูจึงหาวิธีการทำตลาดที่เปลี่ยนไป ไม่กล้าหวือหวา และไม่ทุ่มงบเหมือนเดิม และครั้งนี้ไม่ขอเสี่ยงกับการสั่งเครื่องเข้ามามากๆ จึงขอเช็กความต้องจริงด้วยการให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินจองล่วงหน้า 2,000 บาท

สำหรับ 3Gs ที่โปรดักต์พัฒนาจนเป็นจุดแข็งพอสำหรับผู้ที่ชอบใช้งานมัลติมีเดีย ทำให้โดนใจกลุ่ม Geeks และกลุ่มที่รักแบรนด์แอปเปิล เป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์ของไอโฟน ยอดขายเดือนแรกจึงได้สูงถึง 10,300 เครื่อง

แต่หลังจากนั้นข่าวไอโฟน 3Gs จาก ”ทรู” ก็เงียบหายไป

ภาวะนี้ยังลุกลามไปถึงผู้จำหน่ายรายย่อยในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ที่ “ไอโฟน” ก็เฉาอย่างไม่น่าเชื่อ

เจ้าของร้าน Atomic ในมาบุญครอง ซึ่งเป็นเจ้าของตู้ในชั้น 4 อยู่เกือบ 10 จุด บอกว่าไอโฟนได้รับความนิยมจากลูกค้าและมียอดขายคึกคักเมื่อปี 2008 แต่ตั้งแต่ต้นปี 2009 ลูกค้าถามหา BB มากกว่า จนช่วงเดือนกันยายน 2009 อัตราส่วน 8 ต่อ 10 คือ 8 คนซื้อ BB อีก 2 คน ซื้อไอโฟนเท่านั้น ซึ่ง BB มีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ดาราก็มี คนทำงานก็มี แต่ช่วงนี้วัยรุ่น มัธยมต้นก็เริ่มมาถามหาแล้ว รุ่นที่ได้รับความนิยมคือ Curve เพราะราคาถูกกว่ารุ่น Bold กับ Storm

“ที่สำคัญคือ BB ไม่ได้ล็อกเครื่อง เจ้าของแบรนด์เองก็ตั้งใจให้ขายได้มากที่สุด พอซื้อไปแล้วก็ไปซื้อแพ็กเกจเอไอเอสใช้ได้เลย ไม่เหมือนไอโฟน”

นาทีนี้ที่มาบุญครองเขาปล่อย BB ได้อย่างต่ำตู้ละ 4-5 เครื่อง ขณะที่สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นเงียบมาก นี่คือสถานการณ์ที่บรรดาตู้มดในมาบุญครองบอกว่า ทำให้พวกเขายังคงมีรายได้ต่อเนื่อง เพราะ BB เครื่องหนึ่งเฉลี่ยราคาสูงกว่า 12,000 บาทขึ้นไป ทำให้ได้กำไรมากกว่าเครื่องราคาถูก เพราะโทรศัพท์ที่ขายได้วันนี้ กลุ่มระดับกลางแทบจะหายไปจากตลาด ส่วนกลุ่มระดับราคาถูกต่ำกว่า 3,000 บาท ก็ยังพอขายได้ แต่กำไรไม่มาก

ดัชนีจาก ”มาบุญครอง” ยิ่งตอกย้ำให้ “ทรู” ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ไม่มีทางเลือกมากกว่าต้องตามกระแส BB ณ เดือนกันยายนที่ผ่านมาแม้แต่ในร้าน ”ทรูไลฟ์” ที่ ”สยามพารากอน” จึงมีภาพของ BB ขนาดใหญ่โชว์อยู่ แทนที่จะเป็นไอโฟน 3Gs จนผู้ผ่านไปมาต้องสะดุดตาและเดินแวะเวียนเข้าไปถามหา BB

“ทรู”กับสัญญาผูกติดการเป็นผู้จำหน่าย ”ไอโฟน” ทำให้ ”ทรู” ไม่กล้าหวือหวากับ BB มากนัก ซึ่งหากจะถามถึงทิศทางธุรกิจแล้ว ผู้บริหาร ”ทรู” ได้แต่บอกเพียงว่า “ทรู”พร้อมทำตลาดทั้ง BB และไอโฟน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การเลือก BB แต่ละรุ่นจึงต้องให้แน่ใจว่าเอื้อต่อการใช้งานในเครือข่ายของทรูมูฟจริงๆ เช่น ทรู ไม่นำ Storm เข้ามาทำตลาด เพราะใช้กับ Wi-Fi ไม่ได้ แต่ทรู ก็ไม่พลาดทำตลาดรุ่น Bold ที่ใช้ได้ทั้ง 3G Wi-Fi และ GPRS

ในมุมของ ”ทรู” แล้วยังยืนยันว่า ไอโฟนและ BB ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายต่างกัน ไอโฟนตอบโจทย์คนที่ชอบความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง เข้าอินเทอร์เน็ต แต่สำหรับ BB คือกลุ่มที่ใช้อีเมลและแชต

เพียงแต่ว่าเวลานี้ไลฟ์สไตล์แบบ BB Lover มีพลังแรงกว่า จนทำให้ ”ไอโฟน” หายไปจากกระแสอย่างไม่น่าเชื่อ