เจดี เซ็นทรัล ร่วม JD.com จับมือรัฐบาลไทย เพิ่มขีดพัฒนาความสามารถของคนไทย เล็งสร้างงาน สร้างอาชีพ อย่างยั่งยืน ดัน SME ไทยสู่ตลาดโลก

เจดี เซ็นทรัล บริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีกอย่างเจดีดอทคอม (JD.com) และบริษัทเซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด ร่วมมือ JD.com ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 3 ฉบับ กับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สังกัดกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC)

  • บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทั้ง 3 ฉบับ ว่าด้วยเรื่อง การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย ผลักดันสินค้าไทยอวดสายตาชาวโลก พร้อมนำเสนอไอทีโซลูชั่นส์สำหรับพัฒนาระบบโลจิสติกส์และระบบห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับนักศึกษาไทยอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยด้วยการส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลก
  • ปัจจุบัน เจดี เซ็นทรัล ได้ส่งสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยไปขายบน JD Thailand Flagship Store ร้านจำหน่ายสินค้าไทยคุณภาพที่เป็นที่นิยมที่สุดบนเว็บไซต์ JD.com

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานคณะกรรมการบริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด  ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 3 ฉบับ ระหว่าง เจดีเซ็นทรัล ร่วมกับ JD.com และ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)  สังกัดกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC)  การลงนามความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่าง บริษัท อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ภาครัฐและมหาวิทยาลัย แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนนโยบายในประเทศไทยและนโยบายของไทยในการเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซที่สำคัญสำหรับอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้

ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัว เจดี เซ็นทรัล อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และ ยังเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของไทย บันทึกข้อตกลงดังกล่าวยังเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ เจดี เซ็นทรัล และ JD.com ในการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระยะยาว ซึ่งจะช่วยวางรากฐานของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งในด้านอีคอมเมิร์ซ ด้านการขนส่ง และด้านการศึกษา ซึ่งไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล และเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจไทยในตลาดโลก แต่ยังช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนไทยเพื่อให้เกิดความรู้ทางด้านดิจิทัลในระดับมืออาชีพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลกธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า “เจดี เซ็นทรัล เล็งเห็นศักยภาพและการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และสถานศึกษาต่างๆเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนและผลักดันเศรษฐกิจไทยควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันให้ก้าวขึ้นไปอยู่บนเวทีโลก ที่ผ่านมาเราได้เปิดร้านค้าแฟลกชิพสโตร์ บนแพลทฟอร์ม เจดีดอทคอม เพื่อทำการจำหน่าย และส่งออกสินค้าไทยไปสู่ประเทศจีน และยังได้นำเสนอไอทีโซลูชั่นส์ ที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีในเรื่องของโลจิสติกส์ และห่วงโซ่อุปทานให้แก่หน่วยงานภาครัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบสาธารณูปโภคนอกจากนี้ยังรวมถึงการเพิ่มทักษะทางด้านดิจิทัลให้กับบุคลากรและนักศึกษาไทยเพื่อสร้างการพัฒนาบุคลากรแบบยั่งยืน และเติมเต็มระบบนิเวศน์ของวงการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้สมบูรณ์อีกด้วย”

นางคริสทีน หว่อง รองกรรมการบริหารฝ่ายรัฐสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เจดีกรุ๊ป กล่าวว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนาชีวิตของผู้คน รวมถึงการค้าปลีก และโครงสร้างพื้นฐานในประเทศจีน ผ่านอีคอมเมิร์ซและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เราทำให้ผู้คนเห็นว่าเทคโนโลยีที่เรามุ่งมั่นพัฒนาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ทั้งนี้เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ DITP depa และ เจดี เซ็นทรัล จะสามารถพัฒนาผู้บริโภคและผู้ประกอบการในประเทศไทยได้เฉกเช่นเดียวกันกับประเทศจีน พร้อมกันนี้ยังเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมไทยสู่นโยบาย Thailand 4.0 อย่างเต็มตัว  และยังช่วยให้ผู้ประกอบการไทยจำหน่ายสินค้าคุณภาพให้กับผู้บริโภคต่างประเทศ เป็นอีกช่องทางที่ช่วยผู้ประกอบการ SME ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง”

ขอบเขตของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง เจดี เซ็นทรัล JD.com และ DITP มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการค้าอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจไทยมีส่วนร่วมในตลาดโลกและการขายสินค้าพรมแดนไปยังประเทศจีน มากกว่านี้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตลาดจีนผ่านแพลตฟอร์มของ JDได้อย่างง่ายดาย รวมถึงรับการฝึกอบรมเฉพาะด้าน ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค และ การชำระเงินแบบดิจิทัลและการขนส่งสินค้า ทั้งนี้ การจับมือกันระหว่าง Thaitrade.com ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ทั้งสองจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ประกอบการ ยกตัวอย่างเช่น การจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หรือแม้แต่การจัดโปรโมชั่นต่างๆให้กับผู้บริโภคชาวจีนบน JD.com เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าไทยในตลาดจีน

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สังกัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว “หนึ่งในกลยุทธ์ของ DITP คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออก และในฐานะที่เราเป็นผู้ค้าอีคอมเมิร์ซรายสำคัญที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า เราเชื่อว่า เจดี เซ็นทรัล และ JD.com สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวจีนที่มีความต้องการสินค้าคุณภาพดีได้  อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศไทยท่ามกลางกระแสดิจิทัลในปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่าง เจดี เซ็นทรัล  JD.com และ depa มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีและการแบ่งปันความรู้เฉพาะด้าน ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการและธุรกิจภาคเทคโนโลยีดิจิทัลให้สามารถพัฒนาวิธีจัดการจัดเก็บขนส่ง (Logistics Solution) และระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain System) โดยร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงฉบับนี้ยังกล่าวถึงขอบเขตความร่วมมือในเรื่องของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในคลังสินค้า ซึ่งจะเป็นการบุกเบิกการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิตและการบริการด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทย หลังจากนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning Center) และโครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities Initiatives) โดย เจดี เซ็นทรัล และ JD.comเพื่อรองรับวิทยาการต่างๆ หรือ Know-How ในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ โครงการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มทักษะที่จำเป็นให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยและสร้างความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยี และยังช่วยทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 depa มีพันธกิจที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับขีดความสามารถเชิงดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เราจะใช้นวัตกรรม e-learning logistics ของ JD.com และ เจดี เซ็นทรัล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ และสร้างประโยชน์จากการพัฒนามิติทางสังคมและเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน”

ในขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่าง เจดี เซ็นทรัล กับ มหาวิทยาลัยหอการค้าก็ยังเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันการศึกษาไทยให้เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว  เจดี เซ็นทรัล ไม่เพียงแค่ส่งเสริมให้นักศึกษาในยุคปัจจุบันมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของอีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้น แต่ยังสร้างศูนย์การเรียนรู้และศูนย์การดำเนินงานเพื่อให้นักศึกษารวมถึงบุคลากรได้สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัย ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence หรือ AI และเทคโนโลยีที่ไม่ใช้คน (Autonomous Technology) เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การเรียนรู้ดิจิทัลผ่านกิจกรรมการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย

รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านการค้าและธุรกิจบริการที่เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมโลจิสติกส์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย และไม่หยุดที่จะพัฒนานักศึกษาให้เข้าสู่ยุค Smart Logistics ในขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการไทย และนักศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เรามีโครงการอบรมเสริมสร้างทักษะด้านการธุรกิจ อีคอมเมิร์ซเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ให้สามารถทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้หลังจากจบการศึกษา การลงนามความร่วมมือกับ เจดี เซ็นทรัล ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมให้นักศึกษาได้เข้าใจในวิธีการทำงาน ทั้งด้านดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ รวมถึงโลจิสติกส์ และได้รับประสบการณ์ที่มีค่าจากการทำงานจริงกับสถานประกอบการ ผ่านหลักสูตร WiL (Work – integrated Learning) การจัดการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน”

นอกเหนือจากการร่วมมือกับ DITP, depa และ UTCC แล้ว เจดี เซ็นทรัล และ JD.com มีความพยายามอย่างยิ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจและการพัฒนาระบบการค้าดิจิทัลของไทย เมื่อไม่นานมานี้ เจดี เซ็นทรัล ได้เปิดตัว JD Thailand Official Flagship Store(thailand.jd.hk) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายสินค้าคุณภาพของประเทศไทยบน JD.com  ในเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา  ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซทั้งสองคาดว่า JD Thailand Official Flagship Store จะเป็นประตูบานสำคัญที่ส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศจีน ปัจจุบันบนเว็บไซต์มีหมวดหมู่สินค้าทั้งหมด 5 ประเภทที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน ประกอบไปด้วย สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อาหารและเครื่องดื่ม บ้านและของใช้ในบ้าน และ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนร้านค้า ได้แก่ หมอนยางพาราและทุเรียนอบแห้ง

เกี่ยวกับเจดีดอทคอม

เจดีดอทคอม เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และผู้ให้บริการด้านระบบค้าปลีกชั้นนำของประเทศจีน โดยระบบค้าปลีกอันทันสมัยของบริษัท ช่วยให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อของที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา เจดีดอทคอม ยังเสนอบริการด้านค้าปลีกไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้กับพันธมิตร แบรนด์ และภาคส่วนต่างๆ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความสามารถในการผลิตและนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม เจดีดอทคอม ยังเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นสมาชิกของ NASDAQ100 และ Fortune Global 500

เกี่ยวกับเจดี เซ็นทรัล

เจดี เซ็นทรัล คือบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีกอย่างบริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด และเจดีดอทคอม (JD.com) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ที่มุ่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100% จากแบรนด์ชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลกในราคาที่ดีที่สุด รวมไปถึงระบบจัดการสินค้าและการจัดส่งระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมกับการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์อย่างยอดเยี่ยม โดยมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจออนไลน์และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย เจดี เซ็นทรัลพร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุกสนานและมั่นใจไร้กังวลให้กับทุกคน และมุ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทยในตลาดโลก และจะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับโครงสร้างด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาตรฐานโลก พร้อมส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย