“AECS ” ชี้ปัจจัยลบทั้งใน-ต่างประเทศกดดันดัชนีก่อนสิ้นปี แนะนสะสมหุ้น Domestic Play กลุ่มสื่อ-ค้าปลีก-นิคม

บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทย ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี 61 จับตาปัจจัยลบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบของสงครามการค้า  แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง  คาดดัชนีแกวงตัวในกรอบ 1,577-1,626 จุดถึงสิ้นปี แนะกลยุทธ์ลงทุน Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลัก กลุ่มสื่อ PLANB-VGI-MAJOR  กลุ่มค้าปลีก ROBINS-CPN กลุ่มนิคม AMATA-WHA

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2561ว่า ยังคงจับตาปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักภายหลังสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานรัฐชั่วคราว หลังพรรคเดโมแครตและ รีพับริกันไม่สามารถตกลงร่างงบประมาณชั่วคราวได้ทันตามกำหนด เนื่องจากข้อขัดแย้งต่อการเพิ่มงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อพนักงานรัฐฯ กว่า 800,000 คน ซึ่งแม้จากข้อมูลในอดีตภาวะปิดหน่วยงานหากมีระยะเวลาไม่นานนัก (1-5 วัน) จะมีผลกระทบที่ไม่มาก แต่จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากหน่วยงานรัฐฯ ปิดดำเนินการเป็นเวลานาน (ปี 2554 ปิด 20 วัน ดัชนี DJIA ปรับลง 1.7%

ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนรอติดตามการเจรจาครั้งถัดไปของวุฒิสภาในวันที่ 27 ธ.ค. เพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้ง เพราะฝั่งทรัมป์มีแรงกดดันที่จะต้องผลักดันนโยบายดังกล่าวให้ได้ภายในปีนี้ ก่อนที่พรรคเดโมแครตจะได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาซึ่งจะทำให้การเสนอนโยบายดังกล่าวเป็นไปได้ยากขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมองว่า Downside เริ่มจำกัด และมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2562 หนุนด้วยกลุ่ม OPECและ Non-OPEC ที่จะเริ่มลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่หาก Compliance Rate ที่เกิดขึ้นจริงไม่เป็นไปตามเป้าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับลง

อย่างไรก็ดีได้ประเมินสำหรับ SET Index ช่วงสัปดาห์นี้ไปถึงสิ้นปีคาดว่า จะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,577-1,626 จุด  โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ ประกอบไปด้วยความกังวลของตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า, แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจาก Demand ที่ลดลงสวนทางกับ Supply ที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,575-1,580 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลักที่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มสื่อ แนะนำ PLANB, VGI, MAJOR  2. กลุ่มค้าปลีก แนะนำ ROBINS, CPN  3. กลุ่มนิคม แนะนำAMATA, WHA