ไม่ไหวจะแบกต้นทุน! “Shopee” ประกาศเก็บค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิตและเดบิต 1.5% จากผู้ขาย

Thanatkit

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นธุรกิจที่ต้องยอมเผาเงินในช่วงแรกเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้มากพอ วันนี้ถ้ารวมกัน 3 เจ้าหลักๆ ที่มีอยู่ในตลาดอย่าง ลาซาด้า, ช้อปปี้ และ อีเลฟเว่นสตรีท รวมๆ กันเผาเงินไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

ทำให้การจะอยู่รอดได้จึงต้องมีสายป่านที่ยาวเพียงพอ เพื่ออัดเงินทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ในการดึงลูกค้า ส่วนอีกทางคือการสกัดคู่แข่งไม่ให้มีที่ยืนได้ และสุดท้ายจะบีบให้เหลือแต่ผู้เล่นไม่กี่รายในตลาด

ครั้งหนึ่งผู้บริหารลาซาด้า ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของไทยขณะนี้ เคยพูดเอาไว้ว่า ลาซาด้าไม่ได้กลัวที่จะต้องเผาเงิน เพราะตัวเองได้รับการซัพพอร์ตเรื่องเงินจากอาลีบาบาเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซในจีน และการจะทำกำไรในช่วง 5-7 ปีแรกเหมือนธุรกิจอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย

และแม้คู่แข่งรายอื่นๆ จะพยายามแข่งเท่าไหร่ แต่หากไม่มีเงินทุนที่ใหญ่พอแล้ว ก็ยากที่จะอยู่ในตลาดนี้ต่อไปได้ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างการที่อีเลฟเว่นสตรีทที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเกาหลีใต้ และประกาศยอมขาดทุนในช่วงแรก เพื่อผลักให้ตัวเองขึ้นมาเป็นผู้เล่นแถวหน้าให้ได้ สุดท้ายต้องม้วนเสื่อกลับไป และตัดใจขายธุรกิจให้กับตระกูลมหากิจศิริแทน

หรืออีกข่าวที่เรียกเสียงฮือฮาเกิดขึ้นช่วงเมื่อวานเย็น คือการที่ช้อปปี้ ตัดสินใจประกาศ คิดค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิตและเดบิต 1.5% จากฝั่งผู้ขาย โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ความรวดเร็วในการชำระเงิน จึงต้องกำหนดอัตรานี้มา และจะเริ่มจัดเก็บตั้งแต่ 15 มกราคม 2562 เป็นต้นไป

ค่าธรรมเนียมนี้จะเกิดเฉพาะรายการซื้อ ที่ขึ้นสถานะประสบความสำเร็จเท่านั้น โดยจะคิดจากยอดรวมที่ชำระจริงหลังหักส่วนลดต่างๆ และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เข้าไปด้วยแล้ว อีกทั้งยังได้ย้ำว่า การลงขายสินค้ายังฟรีเหมือนเดิม

หากศึกษาเกมการตลาดของช้อปปี้ จะพบว่า นอกเหนือจากการอัดโปรโมชั่นที่มีมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ช้อปปี้ยังเลือกใช้ดาราระดับแม่เหล็กมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อดึงฐานแฟนคลับจำนวนมาก ให้เข้ามาเป็นลูกค้าหรืออย่างน้อยก็เป็นการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นณเดชน์ญาญ่าหรือล่าสุดกับแบมแบม – กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หนึ่งในสมาชิกวง GOT7 บอยแบนด์เกาหลีชื่อดังของเกาหลี เข้ามานั่งเป็น Campaign Ambassador 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช้อปปี้ ต้องระวังหลังจากที่ประกาศเก็บค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิตและเดบิต คือการที่พ่อค้าแม่ค้าจะผลักต้นทุนที่เกิดขึ้นไปสู่ผู้ซื้อหรือไม่ และที่สำคัญการที่ผู้ขายอาจตัดสินใจเปลี่ยน แพลตฟอร์มที่วางขายไปเลยก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแม้รายได้จะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อคนขายหายเมื่อเทียบแล้วอาจจะไม่คุ้มก็ได้.