ไม่เพียงสร้างเสียงฮือฮากับการเปิดบริการส่งด่วน ‘ภายใน 1 ชม.’ แต่ในงาน Shopee Summit Together We Grow เรายังได้เห็นทิศทางต่อไปของ Shopee ในยุคที่ E-Commerce แข่งขันกันอย่างดุเดือด ภายใต้เป้าหมายต้องการเป็น ‘สะพานดิจิทัล’ (Digital bridge) พาแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก
เป้าหมายดังกล่าว ก็เนื่องมาจาก Shopee มีแพลตฟอร์มอยู่ในหลายประเทศ และเห็นการเติบโตของแบรนด์ในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงเปิดตัวโครงการ Shopee Global Sales ซึ่งยกระดับมาจากโครงการ Shopee International Platform (SIP) สนับสนุนการขยายธุรกิจของผู้ขายไทยสู่ตลาดโลก ไม่เฉพาะตลาดในอาเซียนเท่านั้น
โดยการพาแบรน์สู่ตลาดโลก ผ่านโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการแล้วในฟิลิปปินส์ ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ก่อนจะขยายสู่สิงคโปร์ และมาเลเซีย ช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 รวมถึงมีแผนขยายไปยังอีกหลายประเทศในปี 2569
‘ฮันดิกา จาห์จา’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กว่าสิบปีที่ผ่านมา Shopee ได้เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์การช้อปปิ้งออนไลน์ของไทย และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยหลายล้านคน โดยในส่วนของผู้ขาย Shopee เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาดสามารถแสดงศักยภาพและขยายธุรกิจได้กว้างขึ้น
อีกทั้งมีบทบาทในการขับเคลื่อนและยกระดับธุรกิจของผู้ขายให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถเข้าถึงลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย Shopee ประกาศเดินหน้าภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น ‘ประตูสู่เศรษฐกิจดิจิทัล’ (Gateway to the Digital Economy) สนับสนุน ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจได้อย่างเท่าเทียม ตั้งแต่ร้านค้าครอบครัว ผู้ผลิตชุมชน ไปจนถึงองค์กรและแบรนด์ระดับประเทศ โดยใช้พลังของเทคโนโลยีและเครือข่ายของช้อปปี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ
“เรามุ่งเป็นสะพานดิจิทัล (Digital Bridge) ที่เชื่อมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดระดับภูมิภาค เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับบนแผนที่เศรษฐกิจดิจิทัลของโลก”
E-Commerce ในไทยโตน่าสนใจ
สำหรับตลาด E-Commerce ในไทยถือว่า มีการเติบโตน่าสนใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงในปี 2569 ซึ่งคาดการณ์ว่า
E-Commerce จะคิดเป็น 53% ของเศรษฐกิจดิจิทัล
มีมูลค่า 34 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.1 ล้านล้านบาทไทย
เติบโต 15-20% ใน 4-5 ปีข้างหน้า
E-Commerce จะคิดเป็น 21.5 % ของธุรกิจรีเทลทั้งหมดในไทย
สรุปทิศทาง Shopee ในไทย
กลยุทธ์ของ Shopee ในไทยจะไม่ใช่แค่ ‘ขายของ’ แต่เน้นสร้าง ‘ประสบการณ’ โดยได้เปิด 4 ฟีเจอร์ใหม่ ประกอบด้วย
Prime Seller : เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ร้านค้า เป็นการอัปเกรดโปรแกรมส่งฟรีร้านโค้ดคุ้มและส่วนลดร้านโค้ดคุ้มให้ดียิ่งขึ้น อาทิ Affiliate for Seller คืนค่าคอมมิชชั่นสูงสุด 8% ต่อออเดอร์ ฯลฯ โดยจะมีสิทธิประโยชน์แบบสแตนดาร์ดและให้ตามช่วงฤดูกาล
Shopee Global Sales : 2026 พาไทย SME และแบรนด์ไทย บุกอาเซียนและตลาดโลก ลดความซับซ้อนของการส่งออกเพียงแค่ลงทะเบียนคลิกเดียว และ AI Translation ช่วยแปลภาษา
Speed Strategy : หลังจากเปิดตัวส่งภายใน 4 ชั่วโมง ตอนนี้มีบริการใหม่ ส่งทันทีภายใน 1 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายให้กับร้านค้า
Golden Tick Creator: รวมครีเอเตอร์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เพื่อเลือกใช้ในการทำ Content commerce
ขณะที่การตลาด จะยกระดับการช้อปปิ้งด้วยแผน Marketing 360 ได้แก่
Reinvented In-App Experience : ดึง AI มาช่วยจัดการหน้าชอปสินค้าในรูปแบบ personalized ดีไซน์ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น
Dynamic Content Ecosystem : ยกระดับและผสมผสานคอนเทนต์ทั้งคลิปวิดีโอ ไลฟ์ ฯลฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการซื้อขาย
Seamless Social Integration : การเชื่อมต่อกับโซเชียลแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Meta และ YouTube เพิ่มช่องทางมองเห็นสินค้าและเชื่อมต่อให้เกิดการซื้อขาย
Holistic Brand Building : สร้าง Brand Awareness ผ่านกิจกรรมทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
Borderless Assortment & Product Launch : ดันสินค้าใหม่ให้ติดเทรนด์ และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
Unbearable Value for Users: การใช้ Voucher หลายต่อ, Shopee VIP พร้อมการรันตีราคาถูกสุด
สำหรับสินค้าที่ Shopee ให้ความสำคัญจะมี 4 หมวดหมู่หลัก
1.หมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
2.หมวดสินค้าแฟชั่น
3.หมวดสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ FMCG
4.หมวดสินค้าไลฟ์สไตล์





