กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยเห็นเทรนด์ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย สะท้อนจากจำนวนการปิดบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น มากกว่าเปิดบัตรใหม่ และลดการใช้จ่ายผ่านบัตร หวังลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น และลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งเห็นพฤติกรรมนี้ในทุกกลุ่มลูกค้า
‘อธิศ รุจิรวัฒน์’ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายและเหนื่อยสำหรับธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2568 เห็นสัญญาณของผู้บริโภคที่มียอดปิดบัตรเครดิต มากกว่ายอดเปิดบัตรใหม่ และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง ซึ่งเกิดขึ้นกับลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
สาเหตุหลักมาจากการผู้บริโภคเกิดความไม่เชื่อมั่นทั้งสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และอีกหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่าย และลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น ซึ่งการยกเลิกบัตรส่วนใหญ่ลูกค้าให้เหตุผลว่า ไม่อยากถือบัตรเครดิตหลายใบ เพราะต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายและจำกัดการใช้เงิน
“คนยังมีเงิน แต่หลัก ๆ คือ อารมณ์และความรู้สึกที่ไม่เชื่อมั่นจากข่าวต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ชะลอการจับจ่าย เนื่องจากเราดูการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้าพบว่า ค่อนข้างสวิง คือ เมื่อมีเหตุการณ์หรือข่าวด้านลบเข้ามากระทบ การใช้จ่ายผ่านบัตรจะลดลง พอไม่มีข่าวก็มีการใช้จ่ายสูงขึ้น”
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบต่อธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ วางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาวะตลาดที่ซบเซา ด้วยการกลับมาโฟกัส ‘ตัวเอง’ คำนึงถึงจุดแข็งและโปรดักต์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท มากกว่ามุ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและการบริหารต้นทุน
ขณะที่การทำโปรโมชั่นและให้สิทธิประโยชน์ จะเน้น ‘ความคุ้มค่า’ และเป็นตัวช่วยในการแบ่งภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การให้เครดิตเงินคืน เพิ่มคะแนนการใช้จ่าย แทนการอัดโปรโมชั่นแรง ๆ
“ตอนนี้เหมือนสู้กับจุดที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเราไม่รู้ว่า จุดนี้ของแต่ละคนอยู่ตรงไหน ถ้ายิ่งทำ อาจจะเจ็บตัวหนัก เราเลยเลือกที่จะไม่ทำในจังหวะนี้”
สำหรับผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ก.ย. 2568 ในภาพรวมยังเติบโตดีกว่าตลาดทั้งในด้านจำนวนบัตรและยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 422,800 บัญชี ลดลง 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 286,300 ล้านบาท เติบโต 1%, ยอดสินเชื่อใหม่ 68,400 ล้านบาท ลดลง 2.2% และยอดสินเชื่อคงค้าง 134,300 ลดลง 2.6%
ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.3% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.2% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ เนื่องจากมีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
ส่วนหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย, 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ, 3.ปั๊มน้ำมัน, 4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน และ 5. ช้อปออนไลน์
ขณะที่หมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน, 2. แอปดิลิเวอรี 3.กองทุนรวม, 4.ตัวแทนท่องเที่ยว และ 5.ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ระมัดระวังการใช้จ่าย เน้นซื้อสินค้าในหมวดที่จำเป็นมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย
สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2568 ตั้งเป้ามียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 578,000 บัญชี ลดลง 2.7%, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 400,000 ล้านบาท โต 2%, ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท ลดลง 1.3% และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ลดลง 2.2%



